[Study List] Web Developer กับ Web Designer ควรรู้อะไรบ้าง

designil

สวัสดีครับ กลับมาอัพเดทอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงไปสักพัก ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ อย่างไรก็ตามหน้า Fanpage ของ DesignIL มีการอัพเดทบทความน่าสนใจอยู่ตลอดเวลานะครับ ท่านใดสนใจเรื่องเว็บดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดดีไซน์เว็บไซต์ หรือมือเทพก็แล้วแต่ อยากให้ลองไปเยี่ยมเยียนกันสักครั้ง กด Like กันสักหน่อยก็จะดีมากครับ (แต่ไม่กดก็ไม่เป็นไรนะ)

วันนี้จะมาพูดถึงว่า Front End Developer (นักพัฒนาด้านหน้าเว็บไซต์) และ Web Designer (นักออกแบบเว็บไซต์) ควรจะเรียนรู้เรื่องอะไรบ้างสำหรับใช้ทำงาน เพื่อให้คนที่อยากทำงาน หรือทำงานสายนี้อยู่ ได้เข้ามาอ่านกันว่ามีอะไรตัวเองยังขาดความรู้ด้านไหนไปอีกครับ

โพสนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก ImpressiveWebs ครับผม เค้าลิสต์เอาไว้เยอะมาก ๆ ส่วนผมจะเอามาพูดถึงเฉพาะอันที่สำคัญ ๆ และอธิบายคร่าว ๆ ให้ฟังกันครับ

Front-End Developer ควรรู้อะไรบ้าง

หลายคนอาจจะไม่ชินกับศัพท์คำนี้ (Front-End Developer) จะอธิบายให้ฟังกันก่อนนะครับ

การทำเว็บไซต์เว็บนึงแบ่งได้ง่าย ๆ เป็น 2 ส่วน คือ Front-End (สิ่งที่แสดงผลบนบราวเซอร์ คือ HTML, CSS, Javascript) กับ Back-End (ส่วนประมวลผล หรือโปรแกรมมิ่งนั่นเอง เช่น PHP, Ruby)

เพราะฉะนั้น Front-End Developer จะเป็นคนที่สามารถเขียน HTML, CSS และ Javascript ได้คล่องเพื่อทำให้การแสดงผลบนเว็บบราวเซอร์ออกมาสวยครับ คนที่ทำงานด้านนี้อาจจะดีไซน์เว็บไซต์ได้ดีด้วย (หรืออาจทำไม่ได้เลยก็ไม่แปลกครับ) เช่นเดียวกับ Web Designer ที่ถ้าทำงาน Front-End ได้ด้วยก็จะหรูมาก แต่ทำไม่ได้ก็ไม่ผิดอะไรครับ

มาดูกันว่าสิ่งที่ควรรู้มีอะไรบ้าง

  • HTML4 / XHTML / HTML5
    HTML4 กับ XHTML จะคล้าย ๆ กัน ส่วน HTML5 ก็จะเปลี่ยนไปในระดับนึงครับ
  • CSS2 / CSS3
    CSS2 นี่ต้องรู้ครับ ส่วน CSS3 ถ้ารู้ไว้ก็ดี แต่ถึงไม่รู้ก็ยังทำงานได้ครับ
  • Javascript / jQuery
    jQuery เป็น Library ของ Javascript ที่จำเป็นต้องรู้ครับ เรียนรู้ได้ง่าย + ใช้ดีมาก ส่วน Javascript แบบสด ๆ ถ้าเขียนเป็นก็ดี แต่ถ้าเขียนไม่เป็นก็ไม่ต้องฝืนครับ
  • CSS Framework / CSS Grid Framework / CSS Reset
    พวก Framework นี่ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าง ๆ อาจจะหามาลองใช้สักตัว เพราะถ้าใช้คล่องจะประหยัดเวลาชีวิตไปได้เยอะเลยครับ ส่วน CSS Reset นี่ต้องรู้ครับ
  • UX (User Experience) / Usability
    เป็นเทคนิคในการทำเว็บให้ใช้ง่าย และคิดถึงผู้ใช้ครับผม หากไม่ทราบว่ามันคืออะไรแนะนำให้อ่านบทความ UX User Experience คืออะไร เป็นสิ่งที่ควรรู้จริง ๆ ครับ
  • Website Speed / Performance Optimization
    หมายถึงการทำให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วนั่นเองครับ เดี๋ยวนี้ Google จัดอันดับโดยคำนึงถึงความเร็วการโหลดเว็บไซต์ด้วยนะครับ
  • Web Developer Tool / Firebug
    ควรจะศึกษาปลั๊กอินของเว็บบราวเซอร์ที่เอาไว้ช่วยทำเว็บไซต์ครับ ซึ่งทั้ง Firefox ทั้ง Chrome ก็มีปลั๊กอินดี ๆ เยอะแยะเลย สำหรับท่านที่ไม่รู้ว่ามีอะไรบางแนะนำให้อ่านบทความ รวมปลั๊กอิน Firefox เด็ด ๆ สำหรับทำเว็บไซต์ ครับผม
  • Responsive Web Design
    เป็นเทคนิคใหม่ในการโค้ดเว็บไซต์ให้ Layout สามารถปรับเท่าขนาดจอได้ครับ คือเปิดในคอมหรือเปิดในมือถือก็ยังสามารถอ่านเนื้อหาได้ง่ายโดยไม่ต้องสร้างเว็บสำหรับ Mobile แยกออกมา
  • Mobile Website Development
    หมายถึงการทำเว็บไซต์ใหม่สำหรับมือถือเลย โดยถ้าคนเข้าเว็บไซต์เราผ่านมือถือก็จะถูก redirect ไปยัง URL เว็บไซต์เวอร์ชั่นมือถือนั่นเอง เทคนิคนี้จะทำให้เราควบคุมการแสดงผลหน้าเว็บเวอร์ชั่นมือถือได้ดีกว่าเทคนิค Responsive Enhancement แต่ก็แลกกับเวลาที่ต้องทำหน้าเว็บใหม่
  • Cross-Browser / Cross-Platform Development / Cross-Browser Bug (IE6)
    เป็นกรรมของคนทำเว็บไซต์ที่ 1 เว็บไซต์สามารถเปิดได้จากหลายทางเหลือเกิน ทั้ง Firefox, Chrome, Opera, Safari, iPhone, Blackberry etc. ซึ่งการทำให้สวยบนบราวเซอร์เดียวเป็นเรื่องง่าย แต่การทำให้สวยบนทุกบราวเซอร์นี่ยากเหลือเกิน โดยเฉพาะคู่ปรับอันดับ 1 อย่าง Internet Explorer 6 อย่างไรก็ตาม หากเจอปัญหากับ IE แนะนำให้อ่านบทความ เทคนิคสู้รบกับ IE6 IE7 IE8 ครับ
  • CSS Preprocessor (LESS / SASS)
    หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ LESS CSS ผ่านหูมาบ้างนะครับ เป็นการเขียน CSS แบบผสมเทคนิคโปรแกรมมิ่งเข้าไปด้วย เช่น เก็บค่า Property ไว้ในตัวแปรแล้วนำมาใช้หลาย ๆ ที่ พอจะแก้ก็แก้ที่ตัวแปรอย่างเดียวพอ สำหรับมือใหม่แนะนำให้เรียน LESS ก่อน แต่ถ้าเก่งแล้วไป SASS เลยครับ
  • HTML5 Javascript API
    HTML5 ได้เพิ่มความสามารถมากมาย ทั้งการเล่นเพลง เล่นวีดิโอ การวาดรูป การจับที่อยู่ผู้ใช้ ซึ่งเทคนิคพวกนี้ถ้ารู้เอาไว้จะได้เปรียบมากครับ แทนที่เราจะพึ่ง Javascript Library หรือ Flash ในการทำพวกนี้ แนะนำให้ลองหันมาดู HTML5 บ้างครับ แนะนำให้อ่านบทความ ทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ HTML5 ครับผม
  • CMS Theme (WordPress, Drupal, Joomla)
    CMS หมายถึงระบบจัดการเว็บสำเร็จรูปทั้งหลายครับ ซึ่งเว็บของเรา (designil.com) ก็ใช้ WordPress อยู่ การเรียนรู้วิธีทำธีมของ CMS ชื่อดังจะทำให้มีโอกาสด้านการหางานเพิ่มขึ้นไปอีกครับ โดยเฉพาะ WordPress มีการซื้อ-ขายธีมกันเยอะมาก
  • Font Embedding (@font-face, Cufon, Google Web Font)
    เทคนิคในการใส่ฟ้อนต์หน้าตาประหลาด ๆ ไปใช้บนเว็บไซต์นี่สำคัญมากครับ ซึ่งก็มีหลาย ๆ เทคนิคให้เลือกใช้ หนึ่งในนั้นคือ Google Web Font ซึ่งเคยนำเสนอวิธีใช้กันไปในบทความ Google Font API คืออะไร ลองไปอ่านกันดูนะครับ ใช้ง่ายมาก ๆ เลย
  • SEO (Search Engine Optimization)
    SEO คือ เทคนิคการทำเว็บไซต์ให้ Search Engine ชอบ (หลัก ๆ คือ Google) ซึ่งก็มีเทคนิคหลาย ๆ แบบทั้งสายมืดและสายสว่างครับ อย่างน้อยเราควรจะรู้พื้นฐาน SEO นิดหน่อยเพื่อให้เว็บไซต์ออกมาแล้ว Search Engine ไม่รังเกียจ สำหรับท่านที่ใช้ WordPress ลองอ่านบทความ เทคนิคจูน SEO ของ WordPress ให้เทพ ดูครับ รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน

หัวข้อต่าง ๆ ที่ลิสต์ไว้ได้ลองกันหมดหรือยังครับ ถ้าลองหมดแล้วและทำได้ดีทุกอัน ยอมรับว่าความสามารถด้าน Front-End ของคุณอยู่ในระดับสูง หางานได้สบายเลยครับ

สำหรับหัวข้อไหนที่ยังไม่เคยลอง แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ก็สามารถสอบถามได้ในส่วนของคอมเม้นท์ครับ ขอบคุณครับ

designil

designil

Data engineer & WordPress Developer ทำงานที่บริษัทแคนว่า ซิดนีย์ออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นเจ้าของเว็บไซต์ Designil, DataTH ชอบอ่านบทความใหม่ๆ ตลอดเวลา และชอบสรุปเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีให้ภาษาที่เข้าใจง่าย ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ
บทความทั้งหมด