ทำ portfolio ฟรี สำหรับดีไซเนอร์และฟรีแลนซ์ โดย Portfolio ก็เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของเรา เอาไว้ใช้เป็นใบเบิกทางให้ข้ามไปอีกด่านใหม่ แล้วตอนนี้การสร้าง Portfolio ออนไลน์ก็เป็นเรื่องสิ่งที่ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ต้องมีไว้ประดับกาย
แล้วถ้าคุณยังไม่มี Portfolio ออนไลน์เท่ๆ เพราะว่าคุณเขียนโปรแกรมไม่เป็น วันนี้เรามีเครื่องมือการสร้าง Portfolio ง่าย ๆ ให้เลือกใช้ รับรองว่าถ้าพอร์ทสวย โดนใจลูกค้า งานใหม่ไหลมาเทมาจนทำไม่ทันแน่ ๆ
*บทความนี้อัพเดทแล้ว เลือกมาเฉพาะที่ใช้งานได้จริงเลยครับ
ทำ Portfolio ฟรี ตามเครื่องมือด้านล่างดังนี้
1. Carbonmade
Carbonmade สามารถช่วยคุณสร้าง Portfolio ได้ง่ายๆ ที่ๆ คุณสามารถอวดผลงานชิ้นโบว์แดง แล้วยังมี UI ง่ายๆ น่าใช้
Carbonmade มีทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงินให้คุณเลือกใช้ โดยแบบฟรีคุณต้องลงทะเบียนและใส่ผลงานได้แค่ 5 โปรเจค และอัพรูปได้แค่ 35 รูปเท่านั้น ถ้าใครงานดีๆ เด็ดๆ เยอะแล้วชอบ Carbonmade ก็ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มนาจา
ค่าบริการของ Carbonmade: ฟรี 5 โปรเจค หลังจากนั้นเริ่มต้นที่ $6 (210 บาท) ต่อเดือน สำหรับ 10 โปรเจค
2. Adobe Portfolio
Adobe Portfolio เป็นระบบสำหรับทำพอร์ตโฟลิโอส่วนตัวสำหรับดีไซเนอร์แบบง่าย ๆ หน้าตาเรียบหรู สามารถเลือก Template ปรับแต่งแล้วใช้งานได้เลย ข้อดีของระบบนี้ คือ เชื่อมกับ Behance สามารถดึงงานที่เราอัพโหลดไว้ใน Behance มาแสดงได้เลย และเชื่อมต่อกับ Typekit สามารถเรียกฟ้อนต์สวย ๆ มาแสดงได้อย่างง่ายดาย
สำหรับเรื่องราคาจะเรียกว่าฟรีก็ได้ครับ เพราะบริการ Adobe Portfolio มาพร้อม Creative Cloud Subscription สำหรับใครที่ซื้อ Photoshop รายเดือนอยู่แล้วก็สามารถเข้าใช้บริการนี้ได้เลย
ค่าบริการของ Adobe Portfolio: ฟรี โดยผู้ใช้ต้องมี Creative Cloud Subscription (300 บาท – 1,500 บาท / เดือน)
3. Dunked
Dunked เป็นอีกหนึ่งบริการ Portfolio ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากใช้ง่าย และหน้าตาสวยงาม นอกจากนั้นราคายังไม่สูงอีกด้วย
ผู้ใช้ Dunked สามารถเลือกดึงข้อมูลจาก Youtube, SoundCloud, Vimeo, 500px, และ Flickr มาแสดงผลได้ทันที และหากใครเขียนโค้ดเป็นก็สามารถแก้ HTML & CSS ได้
ค่าบริการของ Dunked: เริ่มต้นที่ $10 (350 บาท) ต่อเดือน สำหรับ 10 โปรเจค
4. Wix
Wix เป็นที่รู้จักดีกับเครื่องมือการสร้างเว็บไซต์สำหรับคนที่ไม่เขียนโค้ดเอง Wix มี feature ที่ช่วยทำให้คุณมีตัวตนในโลกออนไลน์ และยังใช้ง่ายอีกด้วย แค่ลาก แล้ววางส่วนประกอบต่างๆ มี template ให้เลือกมากมาย แล้วยัง feature ให้แชร์ไป social media ด้วย เผลอๆ คุณอาจจะโด่งดังข้ามคืนเลยนะ
ค่าบริการของ Wix: ฟรีพื้นที่ 500 MB และมีโฆษณา Wix หลังจากนั้นเริ่มต้นที่ $8.5 (300 บาท) ต่อเดือน สำหรับพื้นที่ 3 GB
5. Dribbble
Dribble เป็นสังคมออนไลน์ของดีไซเนอร์ illustrators และ web developers ที่แชร์ screenshots ของงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แต่สิ่งที่พิเศษคือสามารถให้ผู้ใช้คนอื่นออกความคิดเห็นเกี่ยวกับงานได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณรวบรวมไอเดียต่างๆ ก่อน publish งาน
เมื่อคุณได้ร่วมสังคม Dribble แล้วแชร์ผลงานของตัวเอง คุณก็ได้เพิ่มโอกาสให้แมวมองมาเห็นงานคุณมากขึ้น แล้วก็มีดีไซเนอร์ไม่น้อยเลยนะที่ได้งานจาก Dribble นี้
นอกจากนั้น Dribbble ยังเป็นแหล่งหาไอเดียชั้นเยี่ยม ที่เราเคยแนะนำไว้ในบทความ 5 เว็บไซต์หา Inspiration ที่ Web Designer เก่ง ๆ เข้าทุกวัน อีกด้วยครับ
ค่าบริการของ Dribbble: ฟรี โดยต้องมีลิงค์เชิญจากสมาชิกในเว็บไซต์ Dribbble
6. Behance

Behance เป็นออนไลน์แพลตฟอร์มที่ไว้โชว์ผลงานของเรา และที่ ๆ เราสามารถหาไอเดียจากผลงานคนอื่น Behance มีผู้เยี่ยมชมหลายล้านต่อเดือนที่กำลังมองหาดีไซเนอร์ฟรีแลนซ์ แล้วมันก็เชื่อกับ Prosite เว็บสร้างเว็บไซต์ฟรี ที่ให้คุณออกแบบ Portfoilio ออนไลน์ได้ง่ายๆ โดยการลาก วางเช่นเคย แถมมีการติด Google Analytics และปุ่ม Social Media ไว้ด้วย เสร็จสรรพลงตัว
ใน Behance รวบรวมงานทางด้านออกแบบไว้มากมาย เหมาะสำหรับคนที่กำลังหางานเลยล่ะครับ เพราะเราสามารถหางานแบบข้ามประเทศได้ด้วย
ค่าบริการของ Behance: ฟรี
7. DeviantArt

DeviantArt เป็นชุมชนศิลปะ สำหรับสายอาร์ต สาย Character design, Painting, 3D ที่เอาไว้ให้สร้าง Portfolio ที่มีผู้เยี่ยมชมหลายล้านต่อเดือน ซึ่งคุณสามารถสร้าง Portfolio ออนไลน์ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลยสักนิดเดียว DeviantArt มี 2 ทั้งแบบฟรี และแบบพรีเมี่ยมเพื่อที่จะมีชื่อโดเมนเป็นชื่อของคุณเอง
ค่าบริการของ DeviantArt: มีทั้งแบบฟรี และเสียเงิน
8. WordPress

คงไม่มีใครไม่รู้จัก WordPress CMS ในการสร้างเว็บไซต์แบบฟรี สำหรับคนที่ไม่อยากสมัครชื่อเว็บไซต์ของตัวเอง เราขอแนะนำ WordPress.com
สร้างเว็บไซต์ประเภท Blog ของตัวเอง มีระบบจัดการหน้า จัดการภาพและงานของเรา ตกแต่งธีมของเว็บไซต์เพื่อนำเสนองานได้ด้วยตนเอง ง่ายครบจบในเว็บเดียว แถมยังมีวิธีการสอนใช้งานเพียบบน Youtube
ค่าบริการของ WordPress : มีบริการเป็นแบบรายเดือนสำหรับคนที่ต้องการตกแต่งเว็บไซต์แบบพิเศษ หรือใส่ธีมเพิ่ม
สรุปเครื่องมือทำ Portfolio ออนไลน์แต่ละเจ้า ใช้บริการที่ไหนดี
Portfolio ออนไลน์หลัก ๆ มีอยู่ 2 แบบ ดังนี้:
- สร้างเป็นเว็บไซต์ของเราเอง ใส่โลโก้เราเอง โดเมนเราเอง ได้แก่ CarbonMade, Adobe Portfolio, Dunked, Viewbook, และ Wix
- เว็บไซต์ Community รวมศิลปิน เราสามารถเข้าไปสร้างโปรไฟล์ของเราได้ แล้วอัพโหลดผลงาน เพื่อให้คนอื่นเข้ามาดู อาจจะมีลูกค้ามาเห็นแล้วติดต่อจากช่องทางนี้ก็ได้ ได้แก่ Dribbble, Behance, DeviantArt
แนะนำว่าควรทำทั้งสองแบบเพราะว่ายิ่งเรามีงานอยู่ในออนไลน์เยอะเท่าไร ลูกค้าก็จะค้นหาเราเจอง่ายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
หลังจากเลือกเว็บและเครื่องมือสร้าง Portfolio ออนไลน์เพื่อเพิ่มความเท่ และเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าติดต่อเราแล้ว ก็อัพโหลดผลงานชิ้นเอกของคุณ แล้วก็รอเขาติดต่อมา หรือไม่ก็ร่อน Portfolio ไปเลยจ้าาา
อ่านจบแล้ว? เราแนะนำบทความนี้
สาย WordPress สำหรับคนที่เน้นของฟรีล้วน และติดตั้ง WordPress เป็น ต้องการธีมฟรีและสวย แอดขอแนะนำบทความด้านล่างนี้เลยครับ
แจกฟรี WordPress Theme สำหรับทำ Portfolio
ทำ Resume ฟรี! ด้วยโปรแกรมออนไลน์
ส่วนถ้าใครอยากพัฒนาฝีมือตัวเองด้าน HTML & CSS เพื่อรับงานทั้งด้านดีไซน์ และด้านโค้ด ก็สามารถเขียน Portfolio เพื่อใช้เองได้เช่นกันครับ
ตอนนี้ทาง Designil มีคอร์สออนไลน์ “Basic HTML5 & CSS3” และ “Photoshop Web Design” ที่สอนตั้งแต่พื้นฐาน เรียนออนไลน์จากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่อยากย้ายหรือเปลี่ยนสายงานมาทำ UI,UX หรือ Web Designer ผมขอแนะนำเลยครับ สามารถ สมัครเรียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ครับ
*บทความนี้เขียนโดย Guest Writer คุณอันนา แห่งเว็บไซต์ Frank.co.th ขอขอบคุณที่แวะมาแชร์ความรู้ดี ๆ มา ณ ที่นี้ครับ
7 Responses