30 เทคนิคการทำ SEO ให้ติด Google หน้าแรกแห่งปี 2023

Natk

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Designil ทุกท่าน กลับมาพบกับแอดมินอีกครั้งกับเว็บไซต์ Designil เจ้าเดิม ในวันนี้เราจะมารวบรวม 30 ไอเดียสำหรับการทำเว็บและการเขียนบล็อกเพื่อสร้างรายได้ รวมไปถึงขั้นตอนการทำ SEO แบบเบื้องต้น! ที่ทุกคนจะต้องทราบสำหรับปี 2023 ให้ฟังกัน

ในบทความนี้จะรวบรวมเนื้อหาที่เราได้ทดลองทำเองกับเว็บไซต์ Designil ตั้งแต่ยังเริ่มต้นหาเงินได้ 0 บาทไปจนถึงปรับเว็บไซต์ให้สร้างรายได้เลี้ยงดูนักเขียนและสำหรับจ่ายค่า Hosting ได้ ต้องบอกเลยว่าระยะทางของเราก็ปรับเว็บไซต์กันมาหลายปีเลยทีเดียว

วันนี้จะมาแชร์ 30 เทคนิคที่นักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ต้องห้ามพลาดในแบบเบื้องต้น (ไม่มีพื้นฐานก็อ่านได้) พร้อมตัวอย่างการทำ SEO มาเริ่มกันเลย

📖 บทความนี้มีอะไรบ้าง แสดง

30 เทคนิคการทำ SEO แบบพื้นฐานประจำปี 2023

1. วางแผนธุรกิจของเราให้ชัดเจนก่อนว่าอยากให้เนื้อหาของเราแก้ปัญหาอะไร

การวางแผนธุรกิจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ก่อนที่เราจะเริ่มทำ SEO เลยค่ะ ถ้าหากถามนัทเองที่ทำงานด้าน UX มาเป็นประจำ เราคิดว่าเราต้องมี Scope ของ Business Model มาให้ชัดเจนก่อน มิฉะนั้นจะไม่สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์เพื่อวางแผนการเขียนหรือการเลือกคีย์เวิร์ดและเนื้อหาที่เราจะเขียนได้เลย

วิธีวางแผนธุรกิจแบบเริ่มต้น

อยากให้ทุกท่านตอบคำถามด้านล่างเหล่านี้ให้ได้ทั้งหมดก่อนว่าแบรนด์ของเรา
– เราต้องการทำอะไร Niche คืออะไร?
– กลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร?
– ปัญหาที่เราอยากจะแก้ไข?
– เทรนด์ที่เกิดขึ้นในธุรกิจนี้?
– ช่องทางการตลาด?
– ผู้แข่งขันในตลาด?

blog marketing best topics เทคนิคการทำ SEO
How to find the best topics ภาพจาก Ahrefs

หากเราตอบคำถามเบื้องต้นเหล่านี้ได้แล้ว เราไปโฟกัสกันที่กลุ่มเป้าหมายของเราได้เลยค่ะ

2. โฟกัสที่คนอ่าน เข้าใจพฤติกรรมและกลุ่มเป้าหมาย

ขั้นตอนการทํา SEO สําหรับมือใหม่ ที่เราอยากจะเน้นย้ำก่อนเริ่มทำเสมอคือเรื่องของ “กลุ่มเป้าหมาย” เราต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร และใครกันแน่ที่จะอ่านเว็บไซต์ของเรา ต่อให้สอนเทคนิคการทำ SEO ไปมากแค่ไหน แต่ถ้าเรายังตอบไม่ได้ว่าผู้อ่านของเราคือใคร ก็ยากมากที่จะไปต่อเลยค่ะ

  • กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร?
  • กลุ่มเป้าหมายของเรามีปัญหาอะไรมากที่สุด?
  • สิ่งที่เรากำลังจะทำ จะแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายของเราได้หรือไม่?

วิธีตามหากลุ่มเป้าหมาย

หากเรายังไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร
1. ต้องลงไปทำรีเซิร์กันสักนิดหน่อย ว่าคนอ่านของเราต้องการอะไร กำลังมองหาอะไรอยู่ จะช่วยทำให้เราโฟกัสกับการเขียนและหัวข้อได้ดียิ่งขึ้น
2. แนะนำให้ใช้วิธีการรีเสิชจาก User experience (UX Research) มาช่วยในการตามหาปัญหา, และ problem จากลูกค้าของเรา จะช่วยทำให้เราแก้ปัญหาได้ถูกจุดและดีมากยิ่งขึ้น

3. ปรับปรุงแผนการตลาดและแผนการสร้างรายได้

เป้าหมายของทุกคนคือต้องการให้เว็บไซต์และเนื้อหาของเรานั้นสร้างรายได้ได้อย่างมั่นคง ดังนั้นเราจึงต้องรู้ก่อนว่าเราจะทำเนื้อหาอะไร แก้ปัญหาด้านไหน เพื่อให้เราสามารถทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google ได้ แถมยังช่วยให้เราแก้ปัญหาที่แท้จริงให้กับผู้อ่านของเราได้

วันนี้นัทมีแผนผังภาพในการสร้างรายได้สำหรับคนที่ทำธุรกิจทางด้าน Digital ขนาดเล็กมาฝากกัน เผื่อเป็นไอเดียในการสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ทุกท่านในอนาคตค่ะ

วิธีการสร้างรายได้จาการทำธรุกิจออนไลน์
วิธีการสร้างรายได้จาการทำธรุกิจออนไลน์

4. ใส่ Reference ของเนื้อหาที่เขียน ให้ลิงก์ไปยังเอกสารใหม่ๆ

การเขียนทุกครั้งจะต้องทำการแนบ Reference เพื่อเป็นการ fact check ให้กับข้อมูลของเรา แต่หากจะทำให้ข้อมูลของคุณมีความแตกต่างจากคนอื่น

วิธีค้นหาเอกสารสำหรับอ้างอิงในบทความ

ลองใช้ Google ในการค้นหาเอกสารแบบละเอียด เพื่อใช้ในการอ้างอิง เพียงแค่พิมพ์
filetype:pdf [หัวข้อ]”

ค้นหา PDF, eBooks หรือวารสารเกี่ยวกับหัวข้อที่เราเขียนเพื่อใช้อ้างอิง รับรองว่าคุณจะพบข้อมูลที่น่าสนใจที่คู่แข่งของคุณยังไม่เคยค้นพบมาก่อน อาทิ เปเปอร์อ้างอิงที่เพิ่งได้รับการตีพิมพ์ หรือเอกสารที่เพิ่งได้รับการรับรอง เป็นต้น

5. หาไอเดียจาก Reddit, Quora หรือแม้แต่ Google Also Ask

ช่องทางที่จะช่วยให้เราหาคีย์เวิร์ดได้ดี คือ Forum ที่มีคนพูดคุยกันบ่อยๆ อาทิเช่น

  • Reddit
  • Quora
  • Google also ask
  • Alsoasked.com
  • Facebook Group
  • Twitter
  • Google Trends

เก็บข้อมูลจากหลายๆ ที่เป็นประจำ จะช่วยทำให้เราเห็นปัญหาของผู้อ่าน และหัวข้อที่เราจะเขียนได้ในอนาคต

ตัวอย่างการหาคีย์เวิร์ดและการเพิ่มเนื้อหาจากคำถามที่คนถามบ่อย people also ask google
เพิ่มเนื้อหาในบทความจากคำถามที่คนถามบ่อย – people also ask google

6. แบ่งเนื้อหาของ Content ให้สแกนสายตาอ่านได้ง่าย

คงไม่มีใครอยากจะอ่านเนื้อหายาวๆ บนหน้าเว็บไซต์ของเราในเวลาที่จำกัด ดังนั้นอย่าลืมทำให้เนื้อหาของเราสั้นและกระชับ

รายงานจาก Microsoft พบว่าระดับความสนใจของมนุษย์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12 วินาทีในปี 2000 และลดลงจาก 12 วินาทีเหลือเพียง 8 วินาทีในปี 2013 เนื่องจากอิทธิพลของเทคโนโลยีที่มีต่อมนุษย์เพิ่มมากขึ้น (Microsoft, 2015)

Microsoft 2015 Attention span

วิธีทำบทความให้น่าอ่าน

– เขียนหัวข้อแนะนำให้น่าสนใจ
– เขียนให้ข้อความแต่ละ Paragraph ให้สั้นและกระชับ
– ทำให้ข้อมูลย่อยง่ายได้ภายใน 5 – 10 วินาที

7. อย่าโฟกัสที่การใช้คำคีย์เวิร์ดซ้ำๆ แต่ต้องคิดถึงส่วนประกอบอื่นด้วย

อย่าใช้คีย์เวิร์ดคำเดิมไปทั่วทั้งบทความ แต่ควรคิดถึงเรื่องอื่นๆ ประกอบกันด้วยระหว่างการเขียน ไม่ว่าจะเป็น

  • การตั้งชื่อ URL slug
  • ชื่อบทความ Title
  • คำเกริ่นนำ Introduction
  • คำคีย์เวิร์ดหลักและรองในบทความ
  • คีย์เวิร์ดใน Meta description

8. เขียน URL ให้สั้นและกระชับ

ใช้โครงสร้าง URL ให้เข้าใจง่ายและกระชับ อย่าเขียนยาวและเยิ่นเย้อจนเกินไป
จากการทดลองของ Designil เอง คิดว่า URL ภาษาอังกฤษใช้งานได้ง่าย

  • ✅ Good: /abs-exercises
  • Bad: /the-best-abs-exercises-for-all-levels-of-gym-goer

ข้อมูลจาก What Is a Slug? URL Slugs and Why They Matter for SEO

8. มีบทความไหนที่ยังไม่เคยติดหน้าแรก Google หรือไม่?

ถ้าบทความของคุณอยู่ในหน้า 2 หรือ 3 ลองแก้ไขด้วย

  1. เช็ก Google Search Console
  2. ค้นหาคีย์เวิร์ดที่คุณต้องการจะทำให้ติดอยู่หน้าแรกของการค้นหา
  3. เพิ่มคีย์เวิร์ดเหล่านี้ใน content ที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์ของคุณ

9. เขียนประโยคเปิดบทความให้น่าสนใจ เพื่อทำให้คนอยากอ่านต่อ

เรื่องของการเขียน Introduction เปิดบทความเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยดึงคนให้อ่านบทความของเราได้เป็นระยะเวลานานขึ้น ต่อให้เนื้อหาของคุณดี แต่ถ้าเปิดเนื้อหามาด้วยข้อความน่าเบื่อ คนก็จะรีบปิดบทความของเราทิ้งอย่างรวดเร็ว

เทคนิคของ Designil คือเขียนให้เหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง เพราะเรื่องทางด้านเทคโนโลยีมันเล่ายาก แต่ถ้าเราค่อยๆ เล่าแบบมีเนื้อหา storytelling ก็จะทำให้คนอยากจะอยู่กับเรานานขึ้นนั่นเองค่ะ ^0^

10. เขียน Introductions ประโยคเปิดแสดงเป้าหมายของบทความนี้ให้ชัดเจน สั้น กระชับ อย่าเยิ่นเย้อ

เทคนิคการเขียน introduction ให้น่าสนใจคือ

  1. เขียนให้ไม่เกิน 150 คำ
  2. พูดถึงปัญหา ว่าทำไมเราถึงจะต้องอ่านบทความนี้
  3. วิธีการแก้ไขปัญหา
  4. ใส่ Table of content เพื่อให้คนอ่านหัวข้อทั้งหมดก่อนเริ่มอ่าน
  5. ยิ่ง Intro ยาว คนก็จะยิ่งไม่อยากอ่านบทความของเรา

11. อย่าเขียนสถิติขึ้นมามั่วๆ ให้ใช้ข้อมูลสถิติที่ถูกต้อง และมีที่อ้างอิงชัดเจน

อย่าเขียนสถิติขึ้นมาเองโดยไม่มีข้อมูลอ้างอิง อย่าลืมหา stats ที่น่าสนใจสักประมาณ 3 – 4 อย่างที่จะช่วยทำให้ข้อมูลของเราดูน่าดึงดูดและมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น


12. ถ้าบทความคุณดีมากแต่ยังไม่ติด Google ให้เช็กเรื่อง Search Intent

เรื่องของ Search intent เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องรู้ในปีนี้เลยค่ะ ถ้าพูดง่ายๆ คือคนเรามักมีจุดมั่งหมายในการค้นหาบน Google อยู่แล้ว เราจะต้องเข้าใจคนอ่านก่อน ว่าก่อนที่เขาจะมาเจอบทความของเรา คนอ่านเขาต้องการอะไร

เข้าใจเรื่องของ Search intent 4 ประเภท

Navigational: ค้นหาเพื่อต้องการตามหาอะไรบางอย่าง
Informational: ค้นหาเพื่อต้องการเรียนรู้เนื้อหาด้านนั้น
Transactional: ค้นหาเพื่อต้องการซื้อทันที
Commercial: ค้นหาเพื่อต้องหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรสักอย่าง

ตัวอย่าง Search intent อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ

1. Navigational – ค้นหาเพื่อนำทาง หาข้อมูลเพื่อนำทางไปยังข้อมูลนั้นๆ

📎 คีย์เวิร์ด: Apple website
คีย์เวิร์ดนี้หมายถึงคนกำลังค้นหาเว็บไซต์ของ Apple แต่ไม่รู้ว่าชื่อ URL อะไร

2. Informational – ค้นหาเพื่อต้องการเรียนรู้เนื้อหาด้านนั้น

📎 คีย์เวิร์ด: วิธีปลูกต้นไม้ในบ้าน, ปลูกต้นไม้ในบ้านอะไรดี?, ต้นไม้อะไรปลูกในบ้านได้? ฯลฯ
คีย์เวิร์ดนี้คือผู้ค้นหาต้องการเรียนรู้วิธีปลูกต้นไม้ภายในบ้านแบบละเอียด เพื่อสะสมความรู้เพิ่มเติม

3. Transactional – ค้นหาเพื่อทำการซื้อกางเกงยีน

📎 คีย์เวิร์ด: ซื้อกางเกงยีนออนไลน์
คีย์เวิร์ดนี้คือผู้ค้นหาต้องการจะซื้อกางเกงยีนแบบออนไลน์ ผู้ค้นหาอาจจะต้องการค้นหาเพื่อเปรียบเทียบราคา, หาเว็บไซต์ในการซื้อ, หรือรูปแบบกางเกงยีนที่ต้องการ แต่ในใจคืออยากซื้อไปแล้ว 70%

คำแนะนำคือ ถ้าเราจะเขียนคีย์เวิร์ดในกลุ่มนี้ต้องทำยังไงก็ได้ให้เกิด Action ในการซื้อให้ได้ ถ้าเราขายของให้เขาไม่ได้ อย่าเขียนคีย์เวิร์ดกลุ่มนี้

4. Commercial – ค้นหาเพื่อหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง

📎 คีย์เวิร์ด: โปรโมชัน iPhone15, iPhone 15 VS Google pixel 8
คีย์เวิร์ดนี้บ่งบอกถึงผู้ค้นหาสนใจในสินค้าชนิดนี้ และต้องการค้นหาโปรโมชันส่วนลดพิเศษที่เกี่ยวข้องกับมือถือ เพื่อจะได้นำไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อสินค้านั่นเอง

ดังนั้นการเขียนในหมวดหมู่ Commercial จึงต้องจูงใจก่อนการซื้อให้ได้มากที่สุดนั่นเองค่ะ


13. ใช้ภาพประกอบการเล่าเรื่องให้สวยงาม

เทคนิคการทำ SEO_ตัวอย่างภาพ Meme ที่สร้างจาก Canva
ตัวอย่างภาพ Meme ที่สร้างจาก Canva

การทำภาพประกอบให้ดึงดูดและน่าสนใจ มีความสำคัญมากๆ ค่ะ ถ้าเกิดเราทำภาพประกอบเองไม่ได้ ก็อยากให้ทุกท่านใช้เครื่องมือทำกราฟิกฟรีที่มีเทมเพลตให้เราเริ่มต้นใช้งานเพียบ อย่างเช่น

ปล. ปัจจุบันโปรแกรมเหล่านี้ได้มีฟีเจอร์ผนวกพวกเรื่องของ AI เข้าไปมากมาย บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ ที่จะเสียเงินรายปี ลองอ่านบทความใหม่ของนัทได้จากที่นี่เลย
พาไปดูฟีเจอร์ใหม่จากงาน Canva Create 2023 โอ้โห AI มาแล้วของจริง

14. อย่าเขียน Paragraph เนื้อหาให้ยาวเหยียด

เพราะถ้าเขียนยาวคนก็จะไม่อยากอ่าน ความยาวของเนื้อหาที่ดีจึงไม่ควรเกิน 6 บรรทัด อย่าลืมว่าเรายังมีผู้อ่านที่อ่านผ่านทาง Tablet, Mobile อีก ถ้าเราเขียนยาวมากกว่านี้แปลว่าตัวหนังสือจะแสดงผลจำนวนมากบนหน้ามือถือ

ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านนั้นอ่านได้ยาก และอีกข้อคืออย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่าปัจจุบันคนมีเวลาโฟกัสกับเนื้อหาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น

15. ลองใช้ CSS Block หรือทำกล่องในการคั่นกลางเนื้อหา

เทคนิคการทำ SEO นี้จะช่วยให้เนื้อหาบนหน้าจอของเราอ่านง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Designil ใช้กล่องหลากหลายสีเพื่อทำให้ content มีความน่าอ่าน ยกตัวอย่างกล่องด้านล่างนี้เลย

การใช้กล่องข้อความ CSS Block หรือ Quote และทำสีให้ตัดกับพื้นหลังอย่างชัดเจน จะช่วยทำให้เรามีการเบรกคั่นกลางระหว่างเนื้อหา ทำให้เนื้อหาของเราอ่านง่ายขึ้น

Designil

16. ขยายเนื้อหาของบทความให้สมบูรณ์

ขยายเนื้อหาให้น่าสนใจด้วยการเพิ่มข้อมูลเหล่านี้เข้าไปในบทความ ไม่ว่าจะเป็น

  • ข้อดี
  • ข้อเสีย
  • คืออะไร
  • เพื่ออะไร
  • ราคาเท่าไร
  • เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
  • ยกตัวอย่างประกอบ

17. เขียนให้เหมือนมนุษย์เขียน อย่าเขียนให้เหมือนโรบอต

การเขียนในปัจจุบันมีเครื่องมือมาช่วยเขียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น AI หรือว่าตัวช่วยเขียน ซึ่งช่วยทุ่นแรงนักเขียนได้ล้านเท่า แต่ปัญหาคือการเขียนเหล่านั้นทำให้เราดูเหมือนกับโรบอตมาเขียนให้คนอ่าน ซึ่งไม่มีผลดีอะไรเลยกับเว็บไซต์ของเรา ดังนั้นเทคนิคการทำ SEO ที่สำคัญในการเขียนบทความคือเราจึงจะต้องเขียนให้เป็นภาษามนุษย์ ให้เข้าถึงง่าย เข้ากับคาแรคเตอร์ของเรา

อย่าง Designil เองจะมีคาแรคเตอร์ที่เราเขียนเป็นประจำคือ

  • เป็นกันเอง
  • ใช้คำว่าเพื่อนๆ และเรา แทนคำว่าคุณ, ฉัน, ข้าพเจ้า
  • ใช้คำลงท้ายได้บ้างเพื่อให้นุ่มนวลและเป็นกันเอง
  • เขียนเหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง
  • ห้ามใช้คำศัพท์ที่เข้าใจยากโดยเด็ดขาด
  • ใช้ภาษาที่คนระดับประถมและมัธยมต้นเข้าใจได้ง่าย

18. เขียนคอนเทนต์ 1 ครั้ง สามารถนำไปทำเขียนบนแพลตฟอร์มอื่นได้อีก

การเขียนของเราไม่ได้สิ้นสุดแค่บนบทความ เราสามารถเปลี่ยนเนื้อหาของเราให้เป็นคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มอื่นได้ต่างๆ มากมาย อาทิเช่น Twitter, Facebook, Youtube, Tiktok, Shorts, Instagrams

หากเพิ่งเริ่มต้น ลองจับสัก 2 ช่องทางการโปรโมตก่อนได้เลย

19. เพิ่มช่องทางการเก็บ Leads เพื่อดึงดูดคนอ่าน

อย่าลืมว่าเว็บไซต์และ newsletter ของเราเป็นช่องทางที่ดีเยี่ยมในการทำโฆษณาและจะไม่มีวันหายไป แม้แต่ ChatGPT, Google หรือ Social Media ก็จะขโมยยอดผู้ติดตามของเราไปไม่ได้

ดังนั้นเราจะต้องทำการเก็บ leads ในรูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจของเราให้ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การแจก eBook ฟรี, การแจก checklist และอื่นๆ เพื่อให้เราสามารถเพิ่ม emails ของผู้ติดตามของเราได้ และจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะเปลี่ยนให้ผู้ติดตามกลายมาเป็นผู้ซื้อของเราได้อนาคต

20. ถ้ารู้สึกเริ่มหมดไอเดีย ลองใช้ ChatGPT

การใช้งาน ChatGPT เป็นสิ่งที่กำลังมาแรง ถ้าอยากทุ่นแรงและประหยัดเวลาในการทำงาน เราอยากให้ทุกคนมาลองใช้งาน ChatGPT ให้เหมือนเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจ เราจะได้ไม่ต้องทำงานซ้ำๆ ในเวลานานอีกต่อไป

ChatGPT คืออะไร? ใช้งานอย่างไร? วิธีป้อนคำสั่ง? มาดูกันเถอะ

21. วางแผนคีย์เวิร์ดให้เป็น Clusters และทำ Internal links ให้เป็นระบบ

วางแผนตารางคีย์เวิร์ดของบทความที่เกี่ยวข้องกัน และลิงก์กันไปมา เพื่อสร้างระบบกลุ่มก้อนของบทความที่เกี่ยวข้องของเรา

Designil แนะนำว่าลองทำข้อมูลเป็น Excel sheet เพื่อติดตามบทความ เนื้อหาและ keyword ของเราแบบละเอียด

22. อย่าลืมทำการโปรโมต Content ของเราบนช่องทางอื่นๆ

เขียนเสร็จแล้วก็อย่าลืมโปรโมตเนื้อหาของเราบนช่องทางอื่นๆ ด้วย หรือจะนำไปโพสต์ทาง social media, forum, facebook group และอื่นๆ จะช่วยให้เราสร้างรายได้จากเนื้อหา รวมไปถึงช่วยเพิ่มโอกาสอื่นๆ ในการเข้าถึงเว็บไซต์เราอีกด้วย

23. ตั้งชื่อบทความให้น่าสนใจ

การตั้งชื่อบทความเป็นเรื่องของศิลปะและประสบการณ์ เรามาลองดูตัวอย่างกันสักหน่อยดีกว่า

วิธีตั้งชื่อบทความให้น่าสนใจและน่าอ่าน

ลองใช้ส่วนประกอบดังต่อไปนี้
“คีย์เวิร์ด – ตัวเลข – ปี (เช่น 2023) – ผลลัพธ์”

  • ✅ Good: 30 เทคนิคการทำ SEO ให้ติดอันดับ Google หน้าแรก แห่งปี 2023
  • Bad: วิธีทำ SEO ง่ายๆ

24. สร้าง Internal links

เทคนิคการทำ Internal links เป็นอะไรที่สำคัญมาก สำหรับการทำ SEO

การมี internal links เพียงแค่ 2 – 3 ต่อบทความนั้นไม่เพียงพอสำหรับการทำ SEO อย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าลืมทำเรื่องของการ Link buiding ภายในเว็บไซต์ของเรา ให้ลิงก์ไปลิงก์มาเป็นกลุ่มก้อนของข้อมูลชุดเดียวกัน

เทคนิคการเช็ก Keyword เว็บไซต์ของเราผ่าน Google

ลองพิมพ์คำค้นหาแบบนี้บน Google ได้เลย
site:https://www.ชื่อเว็บไซต์ของเรา.com “คีย์เวิร์ดที่เราคิดว่ามี”

25. วัดผลและติดตามเว็บไซต์ให้สม่ำเสมอ

การวัดสถิติเว็บไซต์อยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราปรับปรุงยอดการขาย และอื่นๆ ได้อีกมากมาย รวมไปถึงคาดคะเนข้อมูลและสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยง, รายได้, ยอดผู้เข้าชม ฯลฯ

ตัวอย่างข้อมูลที่นิยมวัดผลสำหรับ Blog

โดยเพื่อนๆ สามารถใช้ Google Analytics 4 (GA4) ในการติดตามข้อมูลชุดนี้ได้เลย

  • ยอดการเติบโตของ Organic traffic
  • อันดับของ Keyword (Keyword rankings)
    แยกออกเป็นชื่อแบรนด์ และไม่ใช่ชื่อแบรนด์
  • Conversion rate จาก organic traffic
  • Average time on page และ the bounce rate
  • หน้าที่มีคนเข้าชมมากที่สุด ที่เรียกยอด organic traffic ได้สูงสุด
  • จำนวนหน้าที่ indexed pages
  • จำนวน Links ในเว็บไซต์ (ลิงก์ใหม่ๆ และลิงก์ที่ตาย)

ปกติ Designil จะทำการวัดผลอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีการปรับปรุงเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น Navigation, การเขียนเนื้อหา และอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการวัดผลผ่านเครื่องมือ Analytics หรือจะเป็น Survey เองก็ตาม


26. มาทำความรู้จักกับ E-A-T

จากที่นัทได้ลองเขียนบทความมาเป็นจำนวนมาก พบว่าบทความที่สร้างรายได้มากที่สุดกลับกลายเป็นเรานี่แหละที่เขียนนัทเลยคิดว่าเรื่องของ E-A-T มีผลสำคัญมากต่อการทำ SEO และเว็บไซต์เลยค่ะ

what is eat for seo? เทคนิคการทำ SEO
what is eat for seo?

E-A-T คืออะไร?

E-A-T ย่อมาจากคำว่า Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Authoritativeness (ความเป็นผู้นำ), และ Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ) ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ Google ใช้ในการประเมินคุณภาพของเนื้อหาบนเว็บไซต์ โดยเฉพาะสำหรับหัวข้อ Your Money or Your Life (YMYL) ซึ่งเป็นหน้าหรือหัวข้อที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ความสุข ความปลอดภัย หรือความมั่นคงทางการเงินของผู้ใช้

E-A-T เป็นส่วนสำคัญของ Google Search Quality Evaluator Guidelines ที่ Rater (ผู้ให้คะแนน) จาก Google ใช้ในการประเมินคุณภาพของผลการค้นหา

คำอธิบายเกี่ยวกับส่วนประกอบของ E-A-T:

1. Expertise (ความเชี่ยวชาญ): เป็นการอ้างอิงถึงระดับความรู้หรือทักษะที่ผู้สร้างเนื้อหามีในด้านของตัวเอง สำหรับเนื้อหาคุณภาพสูง ผู้เขียนควรมีประวัติการศึกษา เครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้อง ประสบการณ์ หรือความรู้ในหัวข้อที่พวกเขากำลังพูดถึง ในบางกรณี ความเชี่ยวชาญในชีวิตประจำวัน (เช่น ประสบการณ์การใช้งานด้วยตัวเอง) ก็อาจถือว่ามีคุณค่า โดยเฉพาะสำหรับหัวข้อที่ไม่ใช่ YMYL

2. ความมีชื่อเสียง เป็นเจ้าของในเนื้อหา (Authoritativeness) : ความเป็นหลักคือความน่ายอมรับ น่าเชื่อของผู้สร้างเนื้อหาหรือเว็บไซต์ในวงการหรือขอบเขตข้อมูลของผู้เขียน ซึ่งสามารถประเมินได้จากชื่อเสียงของผู้แต่ง คุณภาพของลิงก์ที่เข้ามา การกล่าวถึงหรือการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และความเป็นที่ยอมรับในชุมชนหรือวงการ

3. ความน่าเชื่อถือ (Trustworthiness) : ความน่าเชื่อถือคือความน่าเชื่อถือและความน่าไว้วางใจของเนื้อหาและเว็บไซต์ ซึ่งสามารถประเมินได้จากปัจจัยเช่น ความโปร่งใส (เช่น การให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับเจ้าของเว็บไซต์ การเขียนชื่อผู้แต่งและวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์) ความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูล การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS) และชื่อเสียงที่ดีในการซื่อสัตย์ในการมอบข้อมูลแก่ผู้อ่าน

ทุกวันนี้ยังไม่มีตัววัดผลอะไรที่จะบอกได้ว่า E-A-T score ของเรามีมากหรือน้อย เอาเป็นว่าอยากให้ทุกท่านปรับปรุงเนื้อหาของข้อมูลในเว็บไซต์ให้มีความสดใหม่ สม่ำเสมอ พร้อมทั้งเช็กเรื่องความถูกต้องของข้อมูลให้ดีเยี่ยม เพื่อทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นตอบโจทย์แก่ผู้อ่านได้อย่างดีที่สุดนั่นเองค่ะ

ข้อมูลจาก What is E-A-T? Why It’s Important for SEO


27. เรียนรู้เรื่อง Technical SEO ของการทำเว็บไซต์

บางครั้งเว็บไซต์ของเราอาจจะมีข้อจำกัดทางด้าน Technology ที่ทำให้เว็บของเราไม่สามารถติด Google ได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นเทคนิคการทำ SEO อีกข้อที่สำคัญก็คือเราจะต้องมีความรู้พื้นฐานทางด้าน Technical ด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • Site Speed and Performance Optimization
  • Crawling and Indexing
  • URL Structure
  • Database
  • HTTPS and Security
  • Structured Data and Schema Markup
  • Duplicate Content and Canonicalization
  • JavaScript SEO
  • XML Sitemaps
  • Server Optimization and Log Analysis
  • UX (User experience)
  • และอื่นๆ

28. Keyword Research ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เราต้องการเขียน

คำแนะนำจาก Designil คือการวางแผนคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับผู้อ่านของเรา และเลือกคำที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายผู้อ่านของเรา

อย่าเลือกคีย์เวิร์ดเพียงแค่ 4-5 คำทุกสัปดาห์โดยไม่มีการวางแผนภาพขนาดใหญ่

คีย์เวิร์ดจำนวน 150 – 300 เป็นตัวเลขที่ดีเยี่ยม
อยากให้ทุกคนลองสร้าง Google Sheets และค้นหาคำหลักที่เป็นไปได้ทั้งหมดในเว็บไซต์ รวมไปถึงความยากง่ายของคำนั้นๆ ที่จะเขียนบทความให้ติดอันดับ รวมไปถึงแบ่งประเภทกลุ่มของคีย์เวิร์ดเพื่อสร้างเป็น Link building ได้อีกในอนาคต

ด้วยปริมาณคีย์เวิร์ดจำนวนนี้จะช่วยให้เราสามารถจัดลำดับความสำคัญ Keyword ได้ โดยอาจจะ filter เรียงลำดับจากความยากง่ายในการติดอันดับของ Google อีกที เพื่อทำให้เราเลือกโฟกัสการเขียนได้ดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ


29. อย่าโฟกัสแค่คีย์เวิร์ดที่มีคนค้นหาเยอะ

บางครั้งคีย์เวิร์ดที่มีประโยชน์ยังไม่เคยมีคนค้นพบมาก่อน ดังนั้นไม่ว่าจะคีย์เวิร์ดไหนเราก็สามารถเขียนให้ความรู้ผู้อ่านได้ ถ้าเนื้อหาของเรานั้นตอบโจทย์ผู้อ่านได้ดี

**ดังนั้นอย่าลืมโฟกัสที่ผู้อ่านและประโยชน์ของบทความของเราด้วยนะคะ**

30. ถ้าจะจ้างนักเขียน ต้องบรีฟงานให้ละเอียด

อย่าปล่อยให้นักเขียนของคุณเขียนอะไรก็ได้ตามใจชอบ ในฐานะเจ้าของ content และเจ้าของเว็บไซต์ เราจะมีการต้องบรีฟงานให้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็น

  • Keyword
  • การวาง outline ของเนื้อหา
  • สิ่งที่อยากให้เขียนแบบละเอียด
  • ตัวอย่างการเขียน
  • ภาพประกอบ
  • เป้าหมายของเนื้อหา

เรื่องของการทำ Fact check และการตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของเนื้อหาใน Niche ที่เรากำลังจะนำเสนอ มีความสำคัญที่สู้ดดดดด เช่น Designil เขียนด้านออกแบบ คนตรวจทานความถูกต้องก็คือนัทนั่นเองค่ะ


ฟิ้วววววว!!!!~ มาถึงตอนจบจนได้ ไหนใครจำได้บ้างว่าเทคนิคการทำ SEO 30 ข้อที่นัทเขียนไปมีอะไรบ้าง?
จัดหนักจัดเต็มด้วยเนื้อหาสาระล้วนๆ ทั้งหมดนี้เขียนจากประสบการณ์การทำเว็บไซต์ Designil พร้อมทั้งมีการรีเซิร์ชข้อมูลจากหลายๆ ที่ เพื่อให้ทุกท่านได้อ่านกันแบบจุใจ

บทความนี้ตั้งใจเขียนมากๆ นัทใช้เวลาในการเขียนไปมากกว่าสัปดาห์เลยค่ะ สุดท้ายนี้ถ้าบทความนี้มีประโยชน์นัทขอฝากบทความด้านล่างนี้ไว้ด้วยนะคะ แล้วมาเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่า ^_^

รวม Plugins และ Hosting ที่เราใช้ในเว็บไซต์ของ Designil ทั้งหมด


บทความที่เกี่ยวข้อง

Designil ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างคอนเทนต์ดีๆ มีสาระประโยชน์ให้กับผู้อ่าน สิ่งที่ทีมงานแนะนำทั้งหมดมาจากการค้นคว้าและทดลองใช้งานจริงหลายสัปดาห์ หากคุณชอบเนื้อหาแบบนี้และอยากสนับสนุนให้ทีมงานให้มีแรงสร้างคอนเทนต์ดีๆ ในอนาคต สามารถซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์บนบทความของเราได้นะครับ บางลิงก์ทางทีมงานจะได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยโดยจะไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับทางผู้อ่าน ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ การทำงานของเรา

Natk

Natk

UI Specialist ซิดนีย์ ออสเตรเลีย | ประสบการณ์ทำงาน 11 ปี | สนใจเรื่อง User Interface, User Experience, Accessibility, Education | ผู้ก่อตั้งกลุ่มเฟซบุ๊ก Tech ไทยในออสเตรเลีย | ผู้ดูแลเว็บไซต์ Designil
บทความทั้งหมด