รีวิว 5 โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรี แกะฟีเจอร์เด่นที่ไม่ควรพลาด

Peridot
video editing software
video editing software

Designil ขอแนะนำโปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีที่ดีที่สุดแห่งปี

โดยปกติแล้วเวลาเราจะทำงานตัดต่อวิดีโอ ทีมงานจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากมายเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นค่า software, ค่าที่เราซื้อส่วนประกอบของเสียง เอฟเฟกต์มาใส่เพิ่มเติม, หรือจะค่า Hardware ของคอมพิวเตอร์ที่ต้องแรว๊งงงมาก ๆ เพื่อให้เราเรนเดอร์งานออกมาได้ไวทันใจ ในวันนี้เราจึงจะมาแนะนำ Software ซอฟต์แวร์โปรแกรมตัดต่อวิดีโอคุณภาพเยี่ยมแบบฟรี ๆ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ลดค่าใช้จ่ายในการตัดต่องานเลยครับ

โปรแกรมที่จะแนะนำวันนี้เป็นโปรแกรมยอดนิยมในต่างประเทศเลยครับ ค่อนข้างดีและใช้งานง่าย UI ที่ออกมาแบบมานั้นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกประเภทแน่นอน สำหรับมือใหม่ก็ตัดต่อได้ครับ

โปรแกรมตัดต่อฟรีที่ดีที่สุด

หลังจากทดสอบชุดโปรแกรมที่แนะนำในวันนี้ เราขอสรุปเลยว่าซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอฟรีที่ดีที่สุดในภาพรวมทั้งหมดคือตัวนี้เลยครับ HitFilm Express โดยโปรแกรมนี้สามารถใช้งานได้กับทั้ง Mac และ PC และมี UI อินเทอร์เฟซที่ปรับปรุงใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้ตามความต้องการได้

แม้ว่า HitFilm จะให้บริการฟรี แต่คุณสามารถอัพเกรดจ่ายค่าบริการแพ็กเสริมได้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ประมาณ $15 ถึง $50 ดอลลาร์ โดยจะเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ ในการตัดต่อ เช่น

  • 360-degree
  • 3D titles
  • Advanced color-grading tools and LUTs
  • เกี่ยวกับเสียง เช่น Doppler Shift หรือฟีเจอร์ลดเสียงรบกวนพวก noise reduction ครับ

สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ Mac ที่ต้องการเพียงแค่โปรแกรมตัดต่อวิดีโอธรรมดา ๆ เราก็อยากแนะนำว่าให้ใช้ Apple iMovie จะดีที่สุดเลยครับ เพราะว่าตัวนี้เนี่ยได้ออกแบบมาให้รองรับกับ Apple อย่างดีเยี่ยม เรียกว่าเป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอฟรีที่ดีที่สุดบนเครื่อง Mac โดยปัจจุบันมีระบบรองรับวิดีโอ 4K มีฟีเจอร์ช่วยแก้พวกภาพสั่นไหวให้ด้วยครับ แต่ข้อเสียคือเราอาจจะไม่ได้ฟีเจอร์ล้ำ ๆ อย่างพวก 360 degree หรือพวกเสียงซาวน์เอฟเฟกต์แบบแอดวานซ์นะครับ

1. HitFilm Express

HitFilm Express Light Interface video editing free โปรแกรมตัดต่อ
HitFilm Express Light Interface

HitFilm Express โปรแกรมตัดต่อฟรีที่มีคนยกนิ้วให้เป็นอันดับหนึ่ง

  • ใช้งานได้กับ: Mac, Windows
  • ข้อกำหนดขั้นต่ำของระบบ: Windows 8 (64 บิต), Mac OS 10.13Sierra

ข้อดีของ Hitfilm

  • อินเทอร์เฟซที่ปรับแต่งได้
  • ลากและวางเอฟเฟกต์พิเศษได้ง่าย
  • ใช้งานข้ามไปมาระหว่าง Mac และ Window ได้
  • มีคลังวิดีโอ tutorial สอนฟรีเยอะมาก เหมาะสำหรับผู้ใช้งานครั้งแรก ผู้เริ่มต้น

ปล. สำหรับใครที่ชื่นชอบการตัดต่อแบบ dark mode หรือ user interface สีดำ ๆ ต้องเสียเงินเพิ่มในราคา $9 นะครับ

Hitfilm Express เป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่ Youtuber หลาย ๆ คน เลือกใช้เลยครับ เพราะข้อดีคือ ฟรี และมีคลังวิดีโอ tutorial สอนใช้งานเพียบ โดยถ้าเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของปี 2021 ที่ออกมาจะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากเลยครับ เช่น พวกการเรนเดอร์ 3D, เอฟเฟกต์ Light Flares แบบกำหนดเอง, เครื่องบันทึกเสียงในตัว และอื่นๆ ทั้งหมดนี้อยู่เหนือคุณสมบัติอื่นๆ

ถ้าเป็นตัวแบบเสียเงินเพิ่มพรีเมียม: จะมีตัวป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติเพื่อทำให้ฟุตเทจที่ดูไม่ชัด ไม่สมูท ดูเรียบเนียนขึ้น, การติดตามการเคลื่อนไหว, color picker และตัว crop & pan tool

จากที่ผมอ่านรีวิวของหลาย ๆ เว็บมา ทุกคนต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า HitFilm เหมาะกับ Windows และ Apple iMovie นั้นจะเหมาะกับ Mac มาก ๆ ครับ


2. Apple iMovie

iMovie
iMovie

iMovie โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน Mac

  • ใช้งานได้กับ: Mac

ข้อดี

  • มีธีมคุณภาพเยี่ยมให้เลือกใช้งานเพียบ
  • เครื่องมือปรับแต่งเสียงเยอะแยะมากมาย
  • รองรับภาพ 4K

ข้อเสีย

  • ไม่มีฟีเจอร์ 360-degree, ฟีเจอร์ multicam น้อยเกินไป
  • Output control มีจำกัด

iMovie เป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอฟรีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Mac เนื่องจากมีพวก Theme มาให้เราเลือกใช้งานเยอะมาก มี Trailers สไตล์ Hollywood หรือพวกเอฟเฟกต์วิดีโอ มีทั้งสไตล์แบบมินิมอล และฟุ้งฟริ้ง พวกเอฟเฟต์ที่นิยมใช้กันในภาพยนตร์ก็มีครับ เรียกว่าเป็นการผสานรวมรวมทั้งเรื่องของดีไซน์และเรื่องความโหลดเร็ว ให้ใช้งานง่ายกับอุปกรณ์ macOS

เวอร์ชั่นอัปเดตล่าสุดได้ปรับแต่งอินเทอร์เฟซให้เพิ่มการรองรับ Touch Bar สำหรับ Mac รุ่นล่าสุดด้วย ในปัจจุบันตัว iMovie สามารถตัดต่อวิดีโอแบบ 4K ได้แล้วนะครับ แต่ว่ายังขาดคุณสมบัติอื่น ๆ ที่แอพแจกฟรีอันอื่นมี เช่นพวกการแก้ไขวิดีโอแบบ 360-degree หรือ multicam

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็บอกเลยว่าโปรแกรมนี้ยังเป็นแอพที่เร็วที่สุดอยู่ดีครับสำหรับการตัดต่อบนเครื่อง Mac แถมยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราอัพโหลดวิดีโอหลังเรนเดอร์เสร็จโดยตรงไปยัง YouTube, Vimeo ของเราได้แบบง่าย ๆ ยิ่งถ้าเกิดคุณเป็นสาวก Apple มีการใช้งาน iMovie คู่กับ iMovie Theater + iCloud แล้วล่ะก็ คุณก็จะสามารถดูผลงานของคุณผ่านทาง Device ของ apple ได้ทุกที่เลยครับ เช่นพวก Apple TV


3. VideoPad

VideoPad review โปรแกรมตัดต่อ
VideoPad review

Videopad ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่ใช้งานเพื่อโซเชียลมีเดีย

  • ใช้งานได้กับ: Mac, Windows
  • ข้อกำหนดขั้นต่ำของระบบ: Windows 8 (64 บิต), Mac OS 10.13Sierra

ข้อดี

  • ใช้งานง่ายและเรียนรู้ได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ตัดต่อมือใหม่ทุกท่าน

ข้อเสีย

  • ขาดคุณสมบัติขั้นสูงเช่น การแก้ไขมัลติแคมและการติดตามการเคลื่อนไหว

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีนี้ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์กดปุ่มเดียวก็จะอัพโหลดคลิปของเราไปยัง YouTube, Facebook, Dropbox, Flickr, Google Drive ได้ทันที

เมื่อเทียบกับอินเทอร์เฟซที่ใช้พลังงานสูงของ HitFilm แล้ว VideoPad มีรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย ดูใช้งานง่าย อินเตอร์เฟซมีความเข้าใจง่าย จึงทำให้เป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอฟรีที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ ใช้งานได้กับทั้ง Mac และ PC

ฟีเจอร์หลักที่น่าสนใจคือ ตัดต่อวิดีโอ 360 องศาได้อย่างง่ายดายเหมือนกับที่ทำกับภาพยนตร์ แต่ข้อเสียคือหากต้องการเพิ่มข้อความลงในคลิปแบบ 360 องศาอาจทำได้ยากสักหน่อยนะครับ

นอกจากนี้ VideoPad ยังขาดฟีเจอร์บางอย่างที่คุณจะพบใน HitFilm เช่น การตัดต่อมัลติแคม เอฟเฟกต์พิเศษระดับไฮเอนด์ และการติดตามการเคลื่อนไหว แต่ว่าคุณสามารถซื้อ extension ส่วนเสริมเพื่อขยายความสามารถของ VideoPad ได้ครับ


4. DaVinci Resolve

davinci resolve
davinci resolve program review

DaVinci Resolve ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอฟรีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้งานแบบแอดวานซ์ขั้นสูง

  • ใช้งานได้กับ: Mac, Windows, Linux
  • ข้อกำหนดขั้นต่ำของระบบ: Windows 8 (64 บิต), Mac OS 10.13Sierra

ข้อดี

  • ฟรี ไม่มีลายน้ำ
  • อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายสำหรับฟังก์ชั่นประจำวัน
  • เป็นแอพที่ขึ้นชื่อด้านการปรับแต่งระดับสี การจัดองค์ประกอบ และการผลิตเสียง audio

ข้อเสีย

  • ใช้งานยากมากกว่าตัวอื่น ๆ เลยครับ อาจจะใช้เวลาเรียนรู้โปรแกรมเป็นวัน ๆ เลย เพราะว่า UI หน้าตาไม่ค่อยใช้งานง่ายเหมือนตัวอื่น ๆ ที่แนะนำไปข้างต้น
  • ไม่มีระบบอัพโหลดอัตโนมัติไปยังโซเชียลมีเดีย เช่น Youtube

DaVinci Resolve เป็นซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอฟรีที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นนักตัดต่อวิดีโอขั้นสูง เป็นแอพที่ทำงานข้ามแพลตฟอร์มระดับโปรเฟสชันนอลที่มีความทรงพลังสูง นั่นหมายความว่าการใช้งานโปรแกรมนี้เราจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่ที่มีการ์ดจอที่แรง ๆ เลยนะครับเพื่อใช้งานโปรแกรมตัดต่อวิดีโอนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

DaVinci เวอร์ชันล่าสุดนี้มีการอัปเกรดครั้งใหญ่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Fairlight ทำผู้ใช้งาน สามารถใช้งานได้ฟรีและสามารถทำงานร่วมกันในระบบได้หลายๆคนพร้อมกันพร้อมกัน ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ก่อนหน้านี้มีให้เฉพาะผู้ที่ใช้เวอร์ชันที่ต้องชำระเงินเท่านั้นนะครับ

และยังมีฟีเจอร์ต่างๆอีกมากมาย เช่น การจดจำใบหน้า การส่งออกอย่างรวดเร็วไปยัง YouTube และ Vimeo และเสียง 3 มิติ

แต่ต้องเตือนไว้ก่อนนะครับว่า DaVinci Resolve มี learning curve ที่สูงมาก ใช้งานยากสุดสำหรับมือใหม่เลย


5. VSDC

vsdc
vsdc

VSDC โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีสำหรับ Windows ที่มีฟีเจอร์ล้ำ ๆ ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร

  • ใช้งานได้กับ: Mac, Windows, Linux
  • ข้อกำหนดขั้นต่ำของระบบ: Windows 8 (64 บิต), Mac OS 10.13Sierra

ข้อดี

  • เอฟเฟกต์ ทรานซิชัน และฟิลเตอร์เสียงที่มีสไตล์ มีคลังมาให้ใช้งานมากมายหลากหลาย
  • ออกแบบเน้นเพื่อผู้บริโภค เข้าใจ User อย่างแท้จริง เพราะใช้งานง่ายมาก ๆ สำหรับงานวิดีโอทั่วไป
  • มีเครื่องมือจับภาพหน้าจอ

ข้อเสีย

  • อินเทอร์เฟซล้าสมัย หน้าตาโบราณ
  • ขาดคุณสมบัติเช่น 360 องศา การติดตามการเคลื่อนไหวและการตัดต่อมัลติแคม

VSDC มีเลย์เอาต์แบบไฮบริดที่รวมการควบคุมสำหรับทั้งการสร้างและการแก้ไขโปรเจ็กต์วิดีโอ และยังมีลิงก์ไปยังวิดีโอการสอนใช้งาน (สำหรับมือใหม่เหมาะสมมาก ๆ ครับ) มีระบบที่ออกแบบมาเพื่อความยืดหยุ่นในการแก้ไข แต่นั่นหมายความว่ามันมี learning curve หรือใช้เวลาเรียนนานกว่าซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอทั่วไปในตลาดเลยครับ

VSDC ถือว่าเป็นโปรแกรมที่ไม่เลวร้ายอะไรสักเท่าไรสำหรับการแก้ไขวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอแบบพื้นฐาน ตัดแบบคัทชนพวกนี้สามารถใช้งานได้เลยครับ ข้อเสียก็คืออินเทอร์เฟซนี่ค่อนข้างใช้งานยาก มีช่วงการเรียนรู้นานกว่าแอพอื่น และไม่มีฟีเจอร์ยอดนิยมบางอย่างด้วย

ตอนนี้โปรแกรม VSDC ยังมีแค่สำหรับ Windows เท่านั้น แต่หากคุณอัปเกรด VSDC เป็นเวอร์ชัน Pro ในราคา $20 (จะใช้ได้หนึ่งปีสำหรับสองเครื่อง) คุณจะได้รับฟีเจอร์เพิ่มเติมเพียบ เช่น การสนับสนุนทางเทคนิค ชุดมัลติมีเดียเต็มรูปแบบ การตั้งค่าขั้นสูง การเร่งสปีดคลิปด้วยฮาร์ดแวร์ ความละเอียดพิกเซลย่อย เครื่องมือมาสก์ และอื่น ๆ อีกเพียบ


สรุป

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่เราแนะนำมาในวันนี้ 5 อันดับคือ

  1. HitFilm Express
  2. Apple iMovie
  3. VideoPad
  4. DaVinci Resolve
  5. VSDC

แล้วมาติดตามกันใหม่ในบทความหน้านะครับ

Peridot

Peridot

รวมบทความรีวิวและความคิดเห็นของทีมงาน Designil แบ่งปันเนื้อหาที่เข้าใจง่ายเป็นประจำทุกสัปดาห์
บทความทั้งหมด