50+ อาชีพตำแหน่งงาน IT & Tech ที่ไม่ต้องเขียนโค้ด [ตอน 1]
การได้รับปริญญาทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือ Computer Science นั้นสามารถสร้างโอกาสมากมาย เป็นสายงานที่ได้รับค่าตอบแทนสูงและมีความต้องการสูง แถมยังไม่มีข้อกำหนดในการเขียนโปรแกรมอีกด้วย การเรียนจบในสายงานนี้ยังต่อยอดไปถึงงานมากมาย ที่ไม่จำเป็นจะต้องไปทำงานด้าน Programmer, Engineer หรือ Developer ที่ต้องเขียนโค้ดเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เช่น การขายและการบริการ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้คนที่ทำงานมาสักระยะหนึ่ง อาจจะพบว่า “ฉันไม่ชอบเขียนโค้ด” และมีความต้องการเปลี่ยนไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารและอื่น ๆ ในอนาคต ในบทความนี้เราจะพูดถึงงานสาย IT และ Tech ที่ไม่มีการเขียนโค้ด จะแสดงให้เห็นว่าอาชีพด้านไอทีนี้มีมากมายกว่าที่เราคิด พร้อมทั้งฐานเงินเดือนเฉลี่ยในประเทศไทยมาฝากกันครับ
Designil ต้องบอกเลยว่าการเติบโตของสายอาชีพเหล่านี้นั้นมีแนวโน้มสูง พร้อมรายได้ที่มั่นคง แถมยังเขียนโค้ดน้อยที่สุดหรือไปจนถึงไม่ต้องเขียนโค้ดเลยด้วย
รวมรายชื่ออาชีพ ตำแหน่งงานในสาย IT แบบไม่ต้องเขียนโค้ด
1. Design
- UX Designer
- UI Designer
- Product Designer
- Service Designer
- Experience Designer
- Web Designer
- Mobile Designer
- Visual Designer
- 3D Designer
- Metaverse Designer
- Interaction Designer
2. Writer
- Content writer
- Content Designer
- UX writer
- Copywriting
- Content specialist
- Technical writer
3. Content
- Content producer
- Digital Coordinator
4. Project management
- Product Manager
- Project Manager
- Product Owner
5. Data & Business
- Data analyst (เขียนโค้ด แต่ไม่เยอะ)
- Business analyst (เขียนโค้ด แต่ไม่เยอะ)
6. SEO
- SEO Specialist
- SEM Specialist
7. Marketing
- Marketing Automation
- Email marketing specialist
- Web marketing
- Digital marketing
8. Hiring/Recruiter
- Technical Recruiter
- Design Recruiter
- Data & AI Recruiter
9. Tester
- Software Quality Tester (เขียนโค้ด)
- QA Engineer (เขียนโค้ด)
- Game Tester (เขียนโค้ด)
10. Sales
- Software Sales Representative
- Software Sales Consultant
- Technical sales
11. ETC.
- Operations Manager
- System Administrator
- Tech Support Specialist
- Web Master
- Web Setting
- Hardware implement
- Instalments
- Solution Architect
- Community Advocate/Evangelism
- Customer Success
- Network Engineer
- Product specialist
- Technology trainer
- Technology consultant
*หมายเหตุ: ในที่นี้บางบริษัทอาจจะต้องเขียนโค้ดหรือต้องมีความรู้ด้านโค้ดด้วยนะครับ ต้องดูรายละเอียด Job description อีกครั้ง
สำหรับคนอยากย้ายอาชีพ อยากได้ประกาศณียบัตร อย่าลืมดูคอร์สเรียนของ Coursera หรือ Udemy นะคร้าบ
ดูคอร์สเรียนทั้งหมดจาก Coursera
Coursera เว็บไซต์รวมคอร์สสอนออนไลน์เนื้อหาระดับโลก เรียนแบบเริ่มต้นฟรี
สายชอบเรียนเก็บ Certificate ห้ามพลาด เรียนฟรีแบบเริ่มต้น เสียเงินหากต้องการใบประกาศณียบัตร
คอร์สเรียนมากกว่า 3000+ วิชา จากผู้สอนระดับโลก
Udemy คอร์สเรียนออนไลน์
– รวมคอร์สเรียนออนไลน์เริ่มต้นที่ 349 บาท ซื้อขาด ในราคาประหยัด
– ซื้อแบบ subscription เพียงเดือนละ 450 บาท เพื่อเรียนได้ 8,000+ หลักสูตร
ดูรีวิวคอร์สเรียนจากเรา มีคอร์สน่าสนใจเพียบ Education
เจาะลึกเนื้อหาแต่ละตำแหน่งงาน อาชีพยอดนิยม แยกตามหมวดหมู
1. Digital Designer
UX Designer
หน้าที่หลัก: นักออกแบบ UX (ประสบการณ์ผู้ใช้ User experience) มีหน้าที่รับผิดชอบในการใช้หลักการของวิทยาการคอมพิวเตอร์ จิตวิทยา การตลาดและเทคโนโลยีกับการทำงานของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชัน และรายการอื่น ๆ รับผิดชอบและพยายามทำให้บริการเหล่านี้น่าสนใจใช้งานง่าย ให้ผู้ใช้งานใช้งานได้ราบรื่นและแก้ปัญหาให้กับ User ได้มากที่สุด โดยต้องมีทักษะของการประสานงาน, การทำ User research, การจัดเวิร์คช็อปกับทีม และทำงานกับทีมอื่น ๆ รวมไปถึงทักษะทางด้านความเข้าใจเรื่องของ platform ที่ใช้ในการทำงาน เช่น Desktop, Mboile, Tablet และอื่น ๆ
UI Designer
หน้าที่หลัก: นักออกแบบ UI (หน้าจอระบบ User interface) มีหน้าที่รับผิดชอบในการออกแบบระบบให้สามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานได้ สวยงาม มีแบบแผนระบบที่เรียบร้อย ใช้ทักษะการออกแบบและสกิลทางด้านสี, การจัดตัวหนังสือ การจัดวาง, ความเข้าใจ Pattern ของระบบปฏิบัติการ เช่น Responsive website, IOS, Android, การใช้โปรแกรมเช่น Figma, Sketch, AdobeXD หรือบางครั้งจะรวมไปถึงการทำ Interaction และการทำ Prototype เพื่อเชื่อมโยงหน้า, Design system, Accessibility และอื่นๆ
Service Designer
หน้าที่หลัก: คุณจะมีส่วนร่วมในการให้บริการที่จะส่งผลดีต่อผู้คนและนำคุณค่ามาสู่ธุรกิจ คุณจะได้รับเวลาและงบประมาณในการพูดคุยกับผู้คนเพื่อรับข้อมูลเชิงลึก ขั้นตอนนี้ต้องผ่านวิธีการทำรีเสิช (Research) เพื่อที่คุณจะได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานั้นๆ นอกจากนี้ คุณจะได้ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) เพื่อให้ทุกคนอยู่บนโต๊ะเดียวกัน เพราะพวกเขามีส่วนร่วมและคำนึงถึงผู้คนอย่างเท่าเทียมกัน เพราะคุณทุกคนรู้ว่าคนเหล่านี้จะใช้บริการนี้ จึงเป็นหน้าที่ของคุณที่จะเปลี่ยนให้ราบรื่นน้อยลงและมากขึ้น
ตัวอย่างงาน เช่น ทำอย่างไรให้คนที่มารักษาที่โรงพยาบาลรู้สึกสะดวก ราบรื่น เข้าสู่การรักษาได้อย่างรวดเร็ว หรือ ทำอย่างให้คนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้าไม่หลงทางระหว่างทาง และไปถึงจุดหมายได้อย่างไม่กังวล
Interaction Designer
หน้าที่หลัก: คุณจะได้รับมอบหมายให้ไปดูเรื่องของ Motion หรือการเชื่อมต่อระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์ มือถือ ให้ใช้งานได้อย่างราบรื่น บางครั้งคุณอาจจะต้องลงไปดูเรื่องของ User experience ผสมกับ User interface design เพื่อให้การเชื่อมต่อของแต่ละขั้นตอนนั้นน่าใช้งาน และต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านระบบปฏิบัติการ การทำงานของของ IOS, Android เป็นพิเศษ
สำหรับคนที่สนใจอาชีพทางด้าน Digital designer ทาง Designil เองเคยเขียนบทความแนะนำอาชีพไว้ดังต่อไปนี้ครับ
หรืออ่านบทความย้อนหลังของเราได้ทาง สารบัญ UX/UI
2. Writer
Technical writer
หน้าที่หลัก: นักเขียนด้านเทคนิคจะเขียนสำเนาเอกสารทางเทคนิค เช่น คู่มือผู้ใช้ เอกสารไวท์เปเปอร์ คู่มือทรัพยากร และสิ่งพิมพ์ในอุตสาหกรรม พวกเขาต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของตน แนวทางรูปแบบการเขียน และการสะกดคำและไวยากรณ์ที่เหมาะสม นักเขียนด้านเทคนิคสามารถทำงานให้กับองค์กรหรือหาลูกค้าแบบอิสระได้ เน้นว่าผู้เขียนจะต้องมีความรู้ที่ลึกทางด้านอุตสาหกรรมนั้น จะทำให้ผู้เขียนได้รายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการมีความรู้แบบกว้าง
UX Writer
หน้าที่หลัก: ผู้ที่จะเขียนข้อความบน Product เพื่อประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User experience) มีหน้าที่เขียนเพื่อให้ผู้ใช้งาน (Users) ทำความเข้าใจได้อย่างชัดเจนเวลาใช้งาน Digital products (เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน ฯลฯ) ดังนั้นการเขียนจะต้องชัดเจน เข้าใจง่าย กระชับ รัดกุมและใช้งานได้จริง จุดประสงค์ของการทำงานคือเพื่อช่วยเหลือและนำทาง User ให้ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จได้ผ่านทาง User Interface
อ่านต่อได้ที่ UX Writing คืออะไร? ต่างจากคนเขียนคอนเทนต์ Copywriting อย่างไร
3. Data & Business
ต้องเกริ่นไว้ก่อนว่าในบางองค์กร ตำแหน่ง Data Analyst นั้นอาจจะมีเขียนโค้ดน้อยถึงไม่เขียนเลย ดังนั้นจะต้องดูรายละเอียดเป็นงานไปนะครับ
Data Analyst
หน้าที่หลัก: นักวิเคราะห์ข้อมูลระบุแนวโน้มขององค์กรหรือแผนกโดยการวิเคราะห์ชุดข้อมูลเฉพาะ พวกเขาต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ข้อมูล สถิติ และการวิจัยตลาด นักวิเคราะห์ข้อมูลจะรายงานสิ่งที่ค้นพบและการคาดการณ์ของตนต่อผู้บริหารและผู้ถือหุ้น เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจและการวางแผนในอนาคต เรียกได้ว่าต้องเข้าใจการจัดการ Data เพื่อธุรกิจ พร้อมทั้งทักษะทางด้าน Business ด้วย
Business Analyst
หน้าที่หลัก: นักวิเคราะห์ธุรกิจวิจัยระบบ กระบวนการ ผลิตภัณฑ์ และบริการของบริษัท และช่วยให้คำแนะนำสำหรับโซลูชันทางเทคโนโลยี พวกเขายังกำหนดองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับโครงการเพื่อให้สำเร็จลุล่วงและดูแลให้พนักงานมีทรัพยากรที่เหมาะสม นักวิเคราะห์ธุรกิจช่วยให้ธุรกิจใช้กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนมากขึ้น
*หมายเหตุ: ในที่นี้บางบริษัทอาจจะต้องเขียนโค้ดหรือต้องมีความรู้ด้านโค้ดด้วยนะครับ
4. Sales
Software sales consultant
หน้าที่: ที่ปรึกษาการขายซอฟต์แวร์ทำงานในด้านการขาย SaaS (ซอฟต์แวร์เป็นบริการ) เช่นเดียวกับตำแหน่งการขายอื่นๆ พวกเขามีหน้าที่สร้างลูกค้าเป้าหมาย เจรจาสัญญา และปิดข้อตกลง ที่ปรึกษาการขายซอฟต์แวร์จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้ขาย และมักจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ขับเคลื่อนด้วยค่าคอมมิชชันที่มีการแข่งขันสูง
5. Project management
Project manager
หน้าที่หลัก: ผู้จัดการโครงการดูแลการวางแผน การดำเนินการ และความสมบูรณ์ของโครงการ พวกเขาทำให้มั่นใจว่าสมาชิกในทีมทุกคนทำงานได้อย่างเพียงพอ การวัดประสิทธิภาพโครงการตรงตามกำหนดเวลา และงานเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัทและกฎระเบียบ
Product manager
หน้าที่หลัก: ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ดูแลวงจรชีวิตทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ใหม่ ตั้งแต่แนวคิดจนถึงการเปิดตัว พวกเขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกแผนก รวมถึงการพัฒนา การออกแบบ การตลาด และผู้บริหาร เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์เฉพาะตรงตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะ ตรงตามมาตรฐานคุณภาพ และเป็นไปตามกำหนดเวลา
6. Tester
Software Quality Tester
หน้าที่หลัก: วิศวกรทดสอบซอฟต์แวร์สร้างวิธีการที่ใช้ในการทดสอบโปรแกรมซอฟต์แวร์ ผู้ตรวจสอบระบบ ดูว่าระบบใช้งานได้ถูกต้องไม่มีข้อผิดพลาด หลังจากดำเนินการทดสอบแบบอัตโนมัติและด้วยตนเองเพื่อระบุจุดบกพร่องและกำหนดการตอบสนองของซอฟต์แวร์แล้ว พวกเขาจะเรียกใช้รายงาน วิเคราะห์ผลการทดสอบ และให้คำแนะนำสำหรับการปรับปรุงอย่างละเอียด เพื่อรายงานกลับไปยังทีมและ Developer
*หมายเหตุ: ในที่นี้บางบริษัทอาจจะต้องเขียนโค้ดหรือต้องมีความรู้ด้านโค้ดด้วยนะครับ
ดูค่าเฉลี่ยเงินเดือนของแต่ละตำแหน่งงานได้จากที่ไหน ?
เรานำเว็บไซต์สำหรับดูเงินเดือนเฉลี่ยของแต่ละอาชีพเพื่อเป็นการเปรียบเทียบให้กับคนที่กำลังตัดสินใจไว้ด้วยนะครับ มาเริ่มกันเลย
สำหรับคนทำงานในประเทศไทย
ปกติเว็บไซต์ที่เราแนะนำด้านล่างนี้จะทำตารางสรุปค่าเงินเดือนเฉลี่ยแยกตามแต่ละตำแหน่งงาน และอาชีพออกมา ทั้งแบบขั้นต่ำและขั้นสูง เรียกได้ว่ามีหลายอาชีพที่มาแรงสุด ๆ และเงินเดือนแรงไปจนถึงหลักหลายแสน ไม่ว่าจะเป็นสายงานด้าน Data และ Marketing แต่ต้องบอกเลยว่างานด้านสาย Tech นั้นเงินเดือนเขามาแรงจริง ๆ ครับ
- Jobsdb salary report
- Adecco salary report
สำหรับคนที่อยากทำงานต่างชาติ
สำหรับต่างประเทศ เวลาดูตำแหน่งงานที่เราสนใจอย่าลืมคำนวนค่าเฉลี่ยภาษีเทียบกับรายรับด้วยนะครับ เพราะถ้าคิดรายรับอย่างเดียวก็จะเป็นแกนเดียวนั่นเองครับ
สามารถติดตามข้อมูลค่าเฉลี่ยเงินเดือนได้ตามเว็บไซต์ด้านล่างนี้
นอกจากตำแหน่งงานที่เรายกมาอธิบาย ยังมีตำแหน่งงานอีกมากมายที่อยู่ในบริษัท IT ไว้รอบหน้า Designil จะกลับมาอัพเดทบทความให้ทันสมัยยิ่งขึ้น สำหรับคนเลือกอาชีพนะครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- รีวิวคอร์ส Google UX Design professional certificate
- รีวิว 10 คอร์สเรียน UX จาก Coursera เทคโนโลยีใหม่ๆ เพียบ
- เรียนออนไลน์ได้เกียรติบัตรดียังไง? หางานได้จริงหรอ?
- แนะนำ 8 คอร์สเรียน Data science เข้าใจง่ายได้ความรู้
- รีวิว 5 เว็บเรียนออนไลน์ พิสูจน์แล้วว่าใช้หางานต่างประเทศได้จริง
Designil ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างคอนเทนต์ดีๆ มีสาระประโยชน์ให้กับผู้อ่าน สิ่งที่ทีมงานแนะนำทั้งหมดมาจากการค้นคว้าและทดลองใช้งานจริงหลายสัปดาห์ หากคุณชอบเนื้อหาแบบนี้และอยากสนับสนุนให้ทีมงานให้มีแรงสร้างคอนเทนต์ดีๆ ในอนาคต สามารถซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์บนบทความของเราได้นะครับ บางลิงก์ทางทีมงานจะได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยโดยจะไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับทางผู้อ่าน ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ การทำงานของเรา