การลอกเลียนแบบหรือคัดลอกเนื้อหาของงานเขียนบทความ ถือเป็นสิ่งที่เราสามารถพบเห็นกันได้อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในปัจจุบันมี AI ที่สามารถเขียนบทความได้ด้วยตัวเองอย่างมีคุณภาพ และการเขียน Copywriting ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกของงานที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ต้องมีเครื่องมีที่ใช้สำหรับตรวจสอบและควบคุมปัญหางานเขียนให้เราสามารถใช้งานกันได้มากขึ้น ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ตรวจบทความในยุคนี้
และนอกจากการใช้งานเพื่อตรวจสอบการคัดลอกบทความจากแหล่งต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถใช้งานเพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการเขียน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อมูลในเชิงภาษา เพื่อให้สามารถสร้างบทความที่มีคุณภาพออกมาได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
และสำหรับบทความที่เรากำลังจะกล่าวถึงในวันนี้ ก็คือการรวบรวมตัวเลือกของเครื่องมือเหล่านั้น มาให้คุณได้รู้จักและทดลองใช้งานกันครับ ซึ่งเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจบทความที่เราได้กล่าวไปนั้น มีชื่อเรียกว่าเครื่องมือเช็ก Plagiarism แบบออนไลน์ ซึ่งสำหรับตัวเลือกที่เราจะนำเสนอในวันนี้ จะเน้นไปที่เครื่องมือที่สามารถใช้งานได้แบบฟรี ดังนั้น หากคุณเองก็เป็นหนึ่งในคนที่กำลังมองหาตัวช่วยสำหรับการใช้งานในด้านนี้ ทางเราก็เชื่อว่าน่าจะมีเครื่องมือสักหนึ่งตัว ที่เหมาะสมและตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างดีแน่นอน
รวม 6 เครื่องมือเช็ก Plagiarism ที่ดีที่สุดตอนนี้
01 UNICHECK – เครื่องมือตรวจสอบบทความที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่
UNICHECK เป็นตัวช่วยสำหรับตรวจสอบการคัดลอกบทความ ที่มีการผสมผสานเทคโนโลยีระดับสูงมากมาย พร้อมการออกแบบที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งการันตีได้จากการที่ในปัจจุบัน มีสถานศึกษามากกว่า 1,000 แห่ง ที่เลือกใช้งานเครื่องมือตัวนี้ในการตรวจสอบงานเขียน โดยจุดเด่นสำคัญที่น่าสนใจของเครื่องมือตัวนี้ จะเป็นการที่สามารถเข้าถึงไฟล์ได้ในปริมาณมากกว่า 91 พันล้านหน้า ส่งผลให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยสำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วย เพื่อการป้องกันการคัดลอกเนื้อหาภายในองค์กรขนาดใหญ่ และจะต้องตรวจสอบข้อความของเอกสารเป็นจำนวนมาก
นอกจากเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมแล้ว UNICHECK ก็ยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกันกับแอปพลิเคชัน และโปรแกรมอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการจัดการงานเกี่ยวกับเอกสารได้เป็นอย่างดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Office 365, Google Docs หรือแม้แต่ Chrome และสำหรับการทำงานและฟังก์ชันอื่นๆ ที่คุณสามารถเลือกใช้งานได้อีกมากมายนั้น คุณจะสามารถใช้งานได้ด้วยค่าบริการแพ็กเกจส่วนตัวเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ข้อดี
- คุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย
- รองรับการอัพโหลดบทความได้เป็นจำนวนมาก
- สามารถเชื่อมต่อการใช้งานกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้มากมาย
02 Scribbr – เครื่องมือเช็ก Plagiarism ที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่
ต่อมาเป็นเครื่องมือเช็ก Plagiarism ที่จะช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบเกี่ยวกับการลอกเลียนแบบได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ด้วยขอบเขตการใช้งานของชุดเครื่องมือที่ค่อนข้างกว้าง และการพิสูจน์อักษาตามหลักการเชิงวิชาการ ทำให้ในภาพรวมของการใช้งาน จึงได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับการใช้งานของนักศึกษาและเหล่านักวิชาการ เพื่อสร้างงานวิทยานิพนธ์, เรียงความ และเอกสารวิชาการต่าง ๆ ออกมาอย่างมีคุณภาพ
ในด้านของการทำงานตัวเครื่องมือจะรองรับการตรวจสอบการเขียนของเอกสารได้มากกว่า 91,000 ล้านหน้า และสื่อสิ่งพิมพ์โดยรวมในจำนวน 69 ล้านฉบับ โดยที่คุณจะสามารถทำการอัพโหลดเอกสารเก่า เพื่อเปรียบเทียบการคัดลอกได้โดยตรงด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงทำให้การปรับเปลี่ยนการใช้งาน จึงจะสามารถทำได้อย่างยืดหยุ่น ในกรณีที่คุณต้องการให้ตรวจสอบการลอกเลียนแบบ จากเอกสารที่อยู่นอกฐานข้อมูลด้วยนั่นเอง
ข้อดี
- ฐานข้อมูลสำหรับการจัดการเนื้อหาขนาดใหญ่
- สามารถจัดการกับแหล่งข้อมูลภายนอกได้
- การตรวจสอบอ้างอิงที่มีประสิทธิภาพ
03 Grammarly – เครื่องมือตรวจสอบความผิดพลาดทางภาษาที่ดีที่สุดในภาพรวมของการทำงาน
Grammarly เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน จากคุณสมบัติการทำงานที่หลากหลาย และอินเตอร์เฟสการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถใช้งานตัวโปรแกรมได้อย่างมีคุณภาพ สำหรับสิ่งที่ถือเป็นความโดดเด่นสำคัญของอุปกรณ์ตัวนี้ จะเป็นการที่สามารถติดตั้ง เพื่อใช้งานเป็นส่วนเสริมของแอปพลิเคชันเอกสารออนไลน์อื่น ๆ ได้อย่างหลากหลาย ในการตรวจสอบข้อผิดพลาดทางภาษา และการคัดลอกเอกสารจากที่อื่น ๆ
ในปัจจุบัน Grammarly ถูกใช้เพื่อตรวจสอบเอกสารมากกว่า 16,000 ล้านหน้า ด้วยการใช้งานฐานข้อมูลเอกสารวิชาการของ ProQuest ส่งผลให้สามารถใช้เพื่อป้องกันการคัดออกเอกสารได้อย่างดีและรวดเร็ว เพราะฉะนั้นหากกล่าวถึงเครื่องมือเช็ก Plagiarism ที่ดีที่สุดในภาพรวมของการใช้งาน เครื่องมือตัวนี้จะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่สามารถนึกถึงได้เป็นอันดับแรก ๆ แน่นอน
ข้อดี
- การตรวจสอบการลอกเลียนแบบที่กว้างขวาง
- คุณสมบัติการทำงานด้านภาษามากมาย
- การใช้งานที่ง่ายดายและไม่ซับซ้อน
04 PlagScan – เครื่องมือเช็กบทความที่ดีที่สุดในการป้องกันการคัดลอกเนื้อหา
สำหรับเครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้การคัดลอกเอกสารในแวดวงวิชาการและสาขาอาชีพต่าง ๆ สามารถทำได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ด้วยการทำงานของฟีเจอร์และส่วนประกอบต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ทางผู้ให้บริการยังได้พัฒนาความสามารถของตัวโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในภาพรวมของการทำงาน จึงเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างมีประโยชน์ หากต้องการสิ่งที่สามารถใช้งานได้อย่างครบครันในหลากหลายด้าน
อัตราค่าบริการของเครื่องมือตัวนี้ จะมีออกมาให้เราเลือกใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยจะเริ่มตั้งแต่ 6 ไปจนถึง 50 ดอลลาร์สหรัฐ ตามฟังก์ชันและความสามารถที่ต้องการใช้งาน ส่วนเรื่องที่ถือเป็นความโดดเด่นสำคัญของโปรแกรมตัวนี้ จะมาจากการที่มีรหัสสีอย่างง่ายสำหรับใช้ในการเน้น เพื่อที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่เกิดการคัดลอกหรือละเมิดเกี่ยวกับเอกสารขึ้นภายในบทความโดยตรง
ข้อดี
- ระบบการเข้ารหัสที่ใช้งานได้ง่าย
- ราคาค่าบริการที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- การผสานการทำงานร่วมกันกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้มากมาย
05 quetext – เครื่องมือเช็ก Plagiarism ที่ดีที่สุดพร้อมอัลกอริทึมการทำงานประสิทธิภาพสูง
เครื่องมือตัวนี้มาพร้อมความสามารถในการแสดงผลลัพธ์ ที่จะทำการตรวจจับการคัดลอกบทความ และความผิดพลาดทางภาษาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการทำงานของอัลกอริทึมประสิทธิภาพสูงอย่าง DeepSearch ที่สามารถทำการแบ่งแยกทุกส่วนได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ราคาสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย ส่งผลให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับคนที่มีงบประมาณไม่มากนัก
ในด้านของการตรวจสอบการคัดลอก จะสามารถทำได้ทั้งสำหรับเอกสารวิชาการ, บทความข่าว, บล็อกโพสต์ และเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งถือว่ามีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก ทำให้ตัวโปรแกรมมีความโดดเด่นและน่าสนใจมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือจัดการกับภาษาและบทความ ที่มีความคุ้มค่าสำหรับการใช้งานซักหนึ่งตัว quetext ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ข้อดี
- อัลกอริทึมการทำงานประสิทธิภาพสูง
- การแสดงผลลัพธ์การคัดลอกบทความในรูปแบบของคะแนนและรหัสสี
- ราคาสามารถจับต้องได้ง่าย
06 Quillbot – เครื่องมือตรวจสอบบทความที่ดีที่ทั้งสำหรับนักศึกษาและอาจารย์
Quillbot เป็นตัวช่วยที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการคัดลอกบทความจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งความน่าสนใจหลัก ๆ คือผู้ใช้งานสามารถทดลองเริ่มต้นใช้งานตัวโปรแกรมได้ฟรี ก่อนเลือกจ่ายค่าบริการ ซึ่งมีราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า
หากกล่าวถึงฟังก์ชันการจัดการกับภาษาและความผิดพลาดในเชิงวิชาการ Quillbot จะมาพร้อมระบบภาษาที่หลากหลาย ที่ตัวโปรแกรมจะสามารถทำการตรวจจับได้แบบอัตโนมัติ และยังมีบริการตรวจสอบบทความและแก้ไขเอกสารด้วยตนเอง สำหรับการปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เหมาะสมกับสถานการณ์อื่น ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดแสดงผลข้อมูลเชิงลึก ที่คุณสามารถดูได้ผ่านการจ่ายเพียงไม่กี่ดอลลาร์อีกด้วย
ข้อดี
- ตัวเลือกของราคาที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- การเข้าถึงและใช้งานได้แบบฟรี
- เปรียบเทียบแล้วคุ้มค่ากว่าหลายๆ ตัวเลยครับ ราคาจับต้องได้
บทสรุป
เครื่องมือเช็ก Plagiarism ที่เราได้นำมาให้คุณรู้จักกันในวันนี้ จะทำให้คุณสามารถเลือกใช้งานตามความต้องการได้หลากหลาย ด้วยรายละเอียดการใช้งานโดยรวม และความโดดเด่นของแต่ละเครื่องมือที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่นั้นก็นับว่าทำออกมาอย่างน่าสนใจ และสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อการทำงานกับแอปพลิเคชันเอกสารต่างๆ ซึ่งคุณก็สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่ากับราคาค่าบริการนั้นด้วย และนอกจาก 6 โปรแกรมข้างต้น
ยังมีอีกหนึ่งโปรแกรมใช้งานฟรีที่น่าสนใจและเราอยากแนะนำให้คุณได้ทดลองใช้เช่นกัน ซึ่งคุณสามารถอ่านรีวิวการใช้งานได้ที่ รีวิว Quillbot โปรแกรมช่วย Paraphrase และเช็กแกรมม่า ใช้ฟรี! หรือทดลองใช้งานได้ที่นี่เลย!
บทความที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว 5 AI Writer โปรแกรมเขียนบทความ อีเมล์ social media
- เทรนด์ AI กับการเขียนบทความ ช่วยทำงานไวขึ้น 10 เท่า!
- รวม 10 บทความยอดนิยม ประจำปี 2017
- 4 แอปพิมพ์เอกสารบน iPad ใช้ไอแพดแก้เอกสารก่อนพิมพ์
- 9 เครื่องมือเช็กแกรมม่า Grammar checker ที่ดีที่สุด
Designil ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างคอนเทนต์ดีๆ มีสาระประโยชน์ให้กับผู้อ่าน สิ่งที่ทีมงานแนะนำทั้งหมดมาจากการค้นคว้าและทดลองใช้งานจริงหลายสัปดาห์ หากคุณชอบเนื้อหาแบบนี้และอยากสนับสนุนให้ทีมงานให้มีแรงสร้างคอนเทนต์ดีๆ ในอนาคต สามารถซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์บนบทความของเราได้นะครับ บางลิงก์ทางทีมงานจะได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยโดยจะไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับทางผู้อ่าน ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ การทำงานของเรา
