สำหรับคนที่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ ไม่ว่าจะเป็นในสาขาอาชีพใด ก็มักจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ต้องรับงานหลายโปรเจกต์พร้อมกัน ทำให้การจัดการงานต่าง ๆ ให้ทันเวลา หรือการจัดระเบียบเพื่อแบ่งเวลาการทำงานให้ดีที่สุด เป็นสิ่งที่ค่อนข้างทำได้ลำบาก แต่ปัจจุบันมีโปรแกรมอำนวยความสะดวกเกิดขึ้นมากมาย ช่วยให้เหล่าฟรีแลนซ์สามารถจัดการโปรเจกต์ได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเราจะมาแนะนำทั้ง 10 โปรแกรมจัดการโปรเจกต์ให้กับคุณวันนี้ มีโปรแกรมอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ
รวม 10 โปรแกรมจัดการโปรเจกต์สำหรับ Freelance ที่ดีที่สุดในปี 2022
01 Trello – โปรแกรมที่ดีที่สุดในการจัดลำดับเนื้อหาการทำงานของฟรีแลนซ์
Trello เป็นเครื่องมือที่ดีอย่างมาก สำหรับการใช้เพื่อสร้างเนื้อหา กำหนดเวลาเผยแพร่ และลักษณะงานอื่น ๆ อีกมากมายของฟรีแลนซ์ ซึ่งจากภาพรวมของการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ตัวโปรแกรมได้รับความนิยมจากทุกสาขาอาชีพ ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มของฟรีแลนซ์เท่านั้น ความโดดเด่นสำคัญของโปรแกรมตัวนี้ คือการมาพร้อมปฏิทินจัดระเบียบ และปรับเปลี่ยนการทำงานได้หลากหลาย แต่อย่างไรก็ตาม การใช้งานที่สะดวกที่สุดในการใช้ Trello สำหรับฟรีแลนซ์ที่มีลักษณะการทำงานในรูปแบบเดิมบ่อย ๆ คือคุณจะสามารถใช้การตั้งค่าเพียงครั้งเดียว เพื่อการทำงานได้อย่างต่อเนื่องมากที่สุดนั่นเอง
02 Plutio – เครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานในภาพรวมของฟรีแลนซ์
โปรแกรมนี้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณสามารถจัดการกับโครงการหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีฟังก์ชันที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้งานได้บนตัวแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะฟังก์ชันจัดการลูกค้าสัมพันธ์หรือ CRM ที่สำคัญอย่างมากต่อการทำงานในปัจจุบัน สำหรับการใช้งานฟังก์ชันทั้งหมดของตัวโปรแกรม จะแตกต่างกันออกไปตามระดับการสมัครสมาชิกรายเดือน ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกใช้บริการให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้อย่างยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน
03 Bonsai – ตัวช่วยจัดการโปรเจกต์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานของฟรีแลนซ์
Bonsai เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าจะถูกใจฟรีแลนซ์ทุกคนอยู่ไม่น้อย เนื่องจากทำให้คุณสามารถติดตามรายรับและรายจ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกับการทำงานของฟรีแลนซ์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการทำงานผู้คนในอาชีพนี้ มักจะต้องพบเจอกับการมีรายได้ที่ไม่แน่นอนนั่นเอง สำหรับการใช้โปรแกรมบริหารโปรเจกต์ตัวนี้ ในภาพรวมจะทำให้คุณจัดสรรงบประมาณได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการติดตามใบแจ้งหนี้, การทำบัญชี หรือแม้แต่การจัดการเรื่องภาษี ผ่านการใช้งานอินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย เพราะฉะนั้นหากคุณเองก็เป็นหนึ่งในฟรีแลนซ์มืออาชีพ ที่จะต้องจัดการงานอยู่เสมอ เครื่องมือตัวนี้จะเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดเลย
04 Redbooth – โปรแกรมบริหารโปรเจกต์ที่ดีที่สุดสำหรับการติดตามโครงการทั้งหมด
Redbooth ถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมสำหรับจัดการโปรเจกต์ ที่ออกแบบอินเตอร์เฟซมาให้ใช้งานได้ง่าย และจัดการโครงการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย จากการใช้งานเครื่องมือที่มีอยู่บนแพลตฟอร์ม ซึ่งจากการใช้งานฟังก์ชันทั้งหมด จะทำให้คุณติดตามโครงการต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยฟังก์ชันการแจ้งเตือนการทำงานก่อนกำหนดแบบเป็นระยะ ป้องกันการทำงานไม่ทันวันส่งผลงานของแต่ละโปรเจกต์ ได้เป็นอย่างดี สำหรับค่าบริการของโปรแกรมตัวนี้ ในเบื้องต้นคุณสามารถใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานได้แบบฟรี แต่ก็จะมีฟีเจอร์ที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติมบางส่วน ที่คุณจะต้องเสียเงินในลักษณะของการสมัครสมาชิกรายเดือนหากต้องการใช้งาน ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจสำหรับการทำงานของฟรีแลนซ์ด้วยกันทั้งสิ้น
05 Pipefy – โปรแกรมจัดการโปรเจกต์ที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานแบบ Work flow
หากคุณเป็นฟรีแลนซ์ที่จะต้องทำงานในลักษณะเดิมอยู่เสมอ โปรแกรมตัวนี้จะอำนวยความสะดวกด้วยการสร้างแพลตเทิร์น Workflow ขึ้นมา ซึ่งคุณสามารถใช้งานซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำงานลักษณะเดิมในครั้งถัดไป โดยในระหว่างการทำงานด้วยโปรแกรมตัวนี้ คุณยังสามารถรับคำติชมหรือข้อแนะนำจากลูกค้าโดยตรงอีกด้วย ทำให้ลดระยะเวลาในการแก้ไขงานไปได้อีก ทำให้โปรแกรมมีความโดดเด่นในเรื่องของการทำงานแบบ Workflow อย่างแท้จริง
06 Asana – เครื่องมือจัดการโปรเจกต์สุดคลาสสิกที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานกับเครื่องมืออื่น ๆ
ถึงแม้ Asana จะเป็นตัวช่วยที่เหมาะสำหรับการทำงานแบบเป็นทีม แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการทำงานของฟรีแลนซ์ด้วยเช่นกัน จากเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในตัวโปรแกรม ซึ่งแม้ว่าจะมีอินเตอร์เฟซที่ไม่เรียบง่ายเท่ากับโปรแกรมอื่น ๆ แต่เมื่อเริ่มคุ้นเคยในการใช้งานแล้ว ก็จะสามารถจัดการงานต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม การจัดการโปรเจกต์ด้วยการใช้งานโปรแกรมตัวนี้ ในเบื้องต้นคุณจะทำได้ผ่านการเลือกใช้เทมเพลต ที่ทำให้การจัดลำดับงานมีความสะดวกและเป็นไทม์ไลน์ ช่วยเพิ่มความราบรื่นในการเรียงลำดับงาน ให้สามารถจัดการอย่างเหมาะสมได้ดีมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Asana ยังรองรับการทำงานร่วมกันกับเครื่องมืออื่น ๆ อีกมากมายได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น Slack, Google Drive หรือแม้แต่ Microsoft Office เป็นต้น
07 Todoist – ตัวช่วยจัดการโปรเจกต์ที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการแผนงาน
Todoist เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการจัดระเบียบงานที่ดีที่สุด ด้วยการออกแบบโครงสร้างของโปรแกรม ให้สามารถเรียงลำดับและทำเครื่องหมายของงานที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำ หรือทำเสร็จเรียบร้อยได้อย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อรวมกันกับอินเตอร์เฟซที่มีหน้าตาเรียบง่าย ทำให้มีความสะดวกในการใช้งานโปรแกรมตัวนี้สูงขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญ Todoist ยังมีความน่าสนใจอยู่ที่ฟังก์ชัน NLP หรือ Natural Language Processing ที่ทำให้คุณสามารถพิมพ์คำสั่งและเวลาในการทำงาน แล้วตัวระบบจะทำการสร้างคำสั่งนั้นขึ้นมาเป็นการแจ้งเตือน รวมไปถึงยังสามารถเลือกระดับความสำคัญของคำสั่งเหล่านั้นตามความต้องการของคุณได้อีกด้วย
08 Ticktick – โปรแกรมบริหารโปรเจกต์ที่ดีที่สุดสำหรับการจัดเรียงโครงการแบบปฏิทิน
Ticktick เป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับการใช้งานในหมู่ฟรีแลนซ์คนไทย จากการที่สามารถสร้างคำสั่งแจ้งเตือนการทำงาน และแสดงผลออกมาบนปฏิทิน เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบและเลือกทำงานตามเวลาที่เหมาะสมได้ สำหรับอินเตอร์เฟซของตัวโปรแกรม จะถูกออกแบบมาอย่างเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ทำให้คุณสามารถคุ้นเคยกับการทำงานได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการกับโปรเจกต์ คุณยังสามารถเข้าถึง Ticktick ได้จากอุปกรณ์ที่หลากหลายได้ในเวลาเดียวกัน
09 ClickUp – เครื่องมือสำหรับจัดการโปรเจกต์ที่ดีที่สุดสำหรับอินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย
โปรแกรม ClickUp เป็นตัวเลือกที่กำลังมาแรงในช่วงไม่นานมานี้ สำหรับการใช้งานทั้งของบริษัทและฟรีแลนซ์ จากการมีตัวเลือกทั้งแบบฟรีและชำระค่าบริการรายเดือนให้สามารถเลือกใช้บริการได้ตามความต้องการ และมีความโดดเด่นในเรื่องของอินเตอร์เฟซที่เรียบง่าย รวมไปถึงยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ครบครันให้เลือกใช้ได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกที่ใช้จัดการโปรเจกต์ได้แบบรอบด้าน ในราคาที่ย่อมเยามากเป็นพิเศษ โปรแกรมนี้เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณแน่นอน
10 Evernote – เครื่องมือบริหารโปรเจกต์ที่ดีที่สุดสำหรับฟังก์ชันที่ใช้งานได้หลากหลาย
สุดท้ายเป็นโปรแกรมที่โดดเด่นในด้านของฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทำงานของฟรีแลนซ์ได้อย่างเป็นขั้นตอนและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจของตัวโปรแกรมนั้น เริ่มตั้งแต่การที่คุณสามารถจัดเก็บเว็บไซต์ที่น่าสนใจ สำหรับใช้ในการทำงานไว้ในตัวแอปฯ ได้ และยังแสกนเอกสารต่าง ๆ ได้โดยตรงผ่านทางโปรแกรม ไปจนถึงค้นหาข้อมูลในไฟล์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังสามารถจดบันทึก เพื่อใช้สำหรับการแจ้งเตือนรายละเอียดการทำงานต่าง ๆ ได้ในโปรเจกต์งานที่บันทึกไว้ด้วยเช่นกัน
บทสรุป
การทำงานฟรีแลนซ์ระดับมืออาชีพให้ดีที่สุดนั้น การจัดระเบียบและเรียงลำดับการทำงาน เพื่อให้จัดการงานทั้งหมดได้อย่างทันกำหนดการ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ทำให้การมองหาโปรแกรมจัดการโปรเจกต์ที่ดีที่สุดซักหนึ่งตัวมาไว้ เพื่อการใช้ร่วมกับงานของคุณ จึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ซึ่งหากคุณยังไม่มีโปรแกรมดังกล่าวไว้ใช้ สำหรับการจัดการงานฟรีแลนซ์ของคุณ ก็อาจลองเลือกดาวน์โหลดและใช้งานดูซักหนึ่งตัว จากทั้งหมด 10 โปรแกรมที่เราแนะนำไว้ให้ในช่วงที่ผ่านมาได้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง