Relume: AI ตัวช่วยสร้าง Style Guide ใน Figma แบบสายฟ้าแลบ!

Natk

ป้ายยา Relume: AI และคลัง Component คู่ใจ Designer ยุคใหม่ สร้างเว็บไว 10 เท่า!

เมื่อวานแอดมินได้เม้าท์มอยกับเพื่อนร่วมงานชาวแก๊งค์ Designer สายเทคฯ เพื่อนก็ป้ายยาเครื่องมือตัวใหม่มาให้ลอง ชื่อว่า Relume ซึ่งเป็น Startup จากซิดนีย์นี่เอง! เพื่อนบอกว่าลองเอาไปใช้สร้างดีไซน์เบื้องต้นให้ลูกค้าใน Figma แล้วเวิร์คมาก พอลองไปค้นข้อมูลเพิ่มและลองเล่นดูก็พบว่า… โอ้โห มันไม่ใช่แค่ AI สร้างสไตล์ไกด์ธรรมดา แต่มันคือ Ecosystem ที่น่าสนใจมากสำหรับคนทำงานเว็บ โดยเฉพาะสาย Figma กับ Webflow เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังแบบละเอียดขึ้น

Relume คืออะไร? ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือ Ecosystem!

ตอนแรกเข้าใจว่า Relume มีแค่ AI ช่วยสร้าง Style Guide

แต่จริงๆ แล้ว Relume วางตำแหน่งตัวเองเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เอเจนซี่และฟรีแลนซ์สร้างเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น (เคลมว่าอาจถึง 10 เท่า!) โดยมีเครื่องมือหลักๆ ที่ทำงานร่วมกันเป็น Ecosystem เพื่อลดขั้นตอนซ้ำซาก และช่วยให้เราโฟกัสกับการสร้างสรรค์และแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้มากขึ้น

หัวใจสำคัญคือการเชื่อมโยงระหว่างการออกแบบ (Figma) และการพัฒนาให้ราบรื่นขึ้น ผ่านเครื่องมือหลักๆ ดังนี้:

เจาะลึกฟีเจอร์เด่นของ Relume:

1. Relume Library: คลังแสง Component สำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุด?

นี่คือจุดแข็งสำคัญเลย Relume เคลมว่ามี Component Library สำหรับ Webflow และ Figma ที่ใหญ่ที่สุด! มี Component สำเร็จรูปให้เลือกใช้เยอะมาก ตั้งแต่ Navbars, Footers, Hero Sections, Grids ไปจนถึง Layout ที่ซับซ้อนกว่านั้น ข้อดีคือ:

  • ประหยัดเวลาสุดๆ: แทนที่จะสร้าง Component เองจากศูนย์ ก็สามารถ Copy จาก Library แล้วนำไป Paste ในโปรเจกต์ Figma หรือ Webflow ได้เลย
  • สร้างตามมาตรฐาน Webflow: Component สำหรับ Webflow ถูกสร้างขึ้นโดยยึดตามระบบ Client-First ของ Finsweet ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในคอมมูนิตี้ Webflow ทำให้โค้ดสะอาด จัดการง่าย
  • อัปเดตตลอด: มี Component ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ

(ใครใช้ Webflow น่าจะรักฟีเจอร์นี้มาก ส่วนคนใช้ Figma ก็ได้ประโยชน์ในการขึ้นโครง Wireframe หรือ Mockup อย่างรวดเร็ว)

2. AI Site Builder: สร้างโครงเว็บและ Wireframe จากไอเดีย

เคยไหมที่ต้องเริ่มโปรเจกต์จากหน้ากระดาษเปล่า? ฟีเจอร์นี้เข้ามาแก้ปัญหานั้นโดยตรง เพียงแค่เราป้อน Prompt อธิบายเกี่ยวกับธุรกิจหรือโปรเจกต์ที่เราต้องการสร้างเว็บให้ AI เข้าใจ (เช่น “สร้างเว็บไซต์สำหรับร้านกาแฟ Specialty ในเมือง เน้นบรรยากาศอบอุ่นและชุมชน”)

จากนั้น AI ของ Relume จะช่วยสร้าง Sitemap (แผนผังเว็บไซต์) และ Wireframe สำหรับแต่ละหน้าออกมาให้! ผลลัพธ์สามารถ Export ไปใช้งานต่อได้ทั้งใน Figma และ Webflow ช่วยให้เห็นภาพรวมโครงสร้างเว็บได้อย่างรวดเร็ว และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ สำหรับการออกแบบ

3. Style Guide Generator (Beta): ผู้ช่วยสร้าง Mood & Tone ด้วย AI

อันนี้คือฟีเจอร์ที่เพื่อนแนะนำมา และเราได้ลองใช้จริงตามที่เล่าไปตอนแรก มันคือ AI ที่ช่วยสร้างชุดสี (Color Palette) และคู่ฟอนต์ (Font Pairing) ให้เข้ากับ Mood & Tone ที่เราต้องการ สามารถ Import เข้าไปใน Figma ผ่าน Plugin ได้โดยตรง ช่วยให้การกำหนด Visual Style เบื้องต้นทำได้เร็วขึ้นมาก

(แม้จะยังเป็น Beta และระบบสียังเป็น Primitive แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์มากในการนำเสนอภาพรวมให้ลูกค้าดู หรือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้าง Design System)

Relume เหมาะกับใคร? (ชัดเจนยิ่งขึ้น)

จากฟีเจอร์ทั้งหมด ทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า Relume ออกแบบมาเพื่อ:

  • Webflow Developers & Designers: กลุ่มนี้น่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจาก Library ที่สร้างตามมาตรฐาน Client-First และการ Export โครงสร้างจาก AI Site Builder ไป Webflow ได้เลย
  • Figma Users: ได้ประโยชน์จาก Library ในการทำ Wireframe/Mockup, AI Site Builder ในการสร้างโครงเว็บเบื้องต้น และ Style Guide Generator ในการกำหนด Visual
  • Freelancers & Agencies: ที่ต้องการเร่ง Speed การทำงาน ลดเวลาในโปรเจกต์ เพื่อรับงานได้มากขึ้น หรือส่งมอบงานให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น
  • Marketing Teams / Startups: ที่อาจจะไม่มี Designer/Developer โดยตรง แต่อยากสร้าง Landing Page หรือเว็บไซต์ที่ไม่ซับซ้อนมากนักได้อย่างรวดเร็ว
  • คนที่ให้ความสำคัญกับความเร็วและการเริ่มต้น: เหมาะมากสำหรับคนที่อยากขึ้นโครงเว็บ หรือนำเสนอ Mood & Tone ให้ลูกค้าดูภาพรวมแบบด่วนๆ โดยยังไม่ซีเรียสเรื่องรายละเอียด Component หรือ Token แบบลึกซึ้งในทันที
ตัวอย่างการใช้งาน Relume ในหน้าเว็บไซต์
ตัวอย่างการใช้งาน Relume ในหน้าเว็บไซต์

วิธีใช้งาน Relume (สำหรับ Style Guide Generator)

ย้ำอีกครั้ง ขั้นตอนสำหรับฟีเจอร์ Style Guide Generator ที่เราลองใช้:

  1. ไปที่เว็บไซต์ Relume ก่อน: สร้าง Theme สี หรือเลือก Palette ที่ต้องการบนเว็บไซต์
  2. เตรียมไฟล์ Figma Template: Duplicate ไฟล์ UI Kit ของ Relume จาก Figma Community มาไว้ในโปรเจกต์ Figma ของเรา (ไฟล์นี้มี Component ที่เชื่อมกับระบบสี/ฟอนต์รอไว้อยู่แล้ว)
  3. เปิด Plugin และ Import: ในไฟล์ Figma ที่ Duplicate มา เปิด Plugin “Relume” เชื่อมต่อ Account แล้วกด Import Theme
  4. เรียบร้อย! รอสักครู่ ไฟล์ Figma ทั้งหมดจะถูกอัปเดตด้วย Style ใหม่ที่เราสร้างไว้

(สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ เช่น Library หรือ AI Site Builder จะมี Workflow ที่แตกต่างกันไป ลองศึกษาเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ Relume ได้เลย)

ตัวอย่างในหน้าไฟล์ Figma ที่ดึงสีจาก Relume ผ่านปลั๊กอินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตัวอย่างในหน้าไฟล์ Figma ที่ดึงสีจาก Relume ผ่านปลั๊กอินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การเชื่อมต่อ Figma และ Webflow

จุดเด่นของ Relume คือการพยายามลดช่องว่างระหว่าง Design (ใน Figma) กับ Development (ใน Webflow) ทำให้การทำงานร่วมกัน หรือการส่งต่องานราบรื่นขึ้น ผ่านการใช้ Component Library ที่มีทั้งเวอร์ชัน Figma และ Webflow รวมถึงการ Export โครงสร้างจาก AI Site Builder ไปยังทั้งสองแพลตฟอร์ม

ข้อควรรู้: สถานะ Beta และการพัฒนา

ย้ำว่าฟีเจอร์ Style Guide Generator ยังอยู่ในช่วง Beta ระบบสีที่ได้ยังเป็น Primitive Palette ซึ่งอาจจะต้องนำไปต่อยอดเป็น Semantic Token เองถ้าต้องการความซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อย่าง Library และ AI Site Builder ดูเหมือนจะมีความเสถียรและเป็นผลิตภัณฑ์หลักแล้ว แต่แน่นอนว่าทีมงาน Relume คงมีการพัฒนาและอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องแน่นอน

มีค่าใช้จ่ายไหม?

Relume มีทั้งแผนใช้งานฟรีและแผนแบบเสียเงิน (Free, Starter, Pro) โดยแผนฟรีจะให้ทดลองใช้ Library และฟีเจอร์ AI ได้ในระดับหนึ่ง ถ้าต้องการเข้าถึง Component ทั้งหมด หรือใช้งาน AI แบบไม่จำกัด ก็จะต้องอัปเกรดเป็นแผนเสียเงิน ลองเข้าไปดูรายละเอียดบนเว็บไซต์เขาได้เลย

สรุป: ทำไม Relume ถึงน่าจับตามอง?

หลังจากได้ลองใช้และศึกษาข้อมูลเพิ่ม ก็ต้องบอกว่า Relume เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจและมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ทำงานใน Ecosystem ของ Figma และ Webflow เพราะมันช่วย:

  • ประหยัดเวลา: ลดขั้นตอนซ้ำซากในการสร้าง Component หรือตั้งค่า Style Guide เบื้องต้น
  • สร้างความสอดคล้องกัน (Consistency): ด้วย Library ที่มีมาตรฐาน
  • เอาชนะหน้ากระดาษเปล่า: AI Site Builder ช่วยสร้างจุดเริ่มต้นที่ดี
  • เชื่อม Design กับ Development: ลดช่องว่างระหว่าง Figma กับ Webflow
  • นำเสนอ Mood & Tone ได้เร็ว: ด้วย Style Guide Generator

ใครที่กำลังมองหาตัวช่วยเร่งสปีดงานออกแบบเว็บไซต์ หรืออยากลองใช้พลังของ AI และ Component Library ดีๆ ก็แนะนำให้ลองไปเล่น Relume ดูไม่แน่อาจจะกลายเป็นเครื่องมือคู่ใจตัวใหม่ก็ได้!

Natk

Natk

UI Specialist ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เป็นดีไซน์เนอร์มา 12 ปี | สนใจเรื่อง User Interface, User Experience, Accessibility, Education | ผู้ก่อตั้งกลุ่มเฟซบุ๊ก Tech ไทยในออสเตรเลีย | ผู้ดูแลเว็บไซต์ Designil
บทความทั้งหมด