รวม 10 แอพแต่งภาพฟรีสำหรับ Mac

goodownday

มันคือความจริงที่ใครๆ ต่างบอกกันว่า โปรแกรมแต่งภาพที่ดีที่สุดใน Mac นั้นมักจะมาพร้อมกับราคาที่ค่อนข้างแพง ส่วนทางเลือกอื่นที่เป็นโปรแกรมฟรีนั้นมีไว้เพียงเพื่อแต่งภาพสำหรับลงโซเชียลเป็นหลักเท่านั้น

แต่ก็ใช่ว่า ของฟรีจะทำอะไรได้ไม่มาก เราลองรวบรวมรายชื่อสุดยอดโปรแกรมแต่งภาพฟรีบนเครื่อง Mac มาฝากกัน แต่ละตัวจะมีฟังก์ชันและความสามารถที่แตกต่างกันไป มีทั้งระดับพื้นๆ ไปจนถึงระดับที่น่าพอใจ แถมบางโปรแกรมยังดีเด่นจนไม่คิดว่าจะได้พบเจอ เรามาเริ่มกันเลยครับ

GIMP

โปรแกรมตัวนี้น่าจะเป็นหนึ่งตัวที่หลายคนได้ยินชื่อมานาน ผู้คนต่างจดจำกันว่า มันคือทางเลือกฟรีสำหรับ Photoshop อะไรที่ทำได้ใน Photoshop เราก็จะสามารถทำได้ใน GIMP เช่นกัน แม้ว่าบางอย่างจะดูซับซ้อนหรือยุ่งยากกว่าก็ตาม ถึงอย่างนั้น GIMP ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากตกแต่งภาพแต่ไม่อยากซื้อ Photoshop มาใช้

gimp screenshot
GIMP

คุณสมบัติที่เห็นได้ชัดของมันก็คือ มันทำงานได้แทบจะเหมือน Photoshop ทุกอย่างแต่มันเป็นของฟรี แต่มันมีอินเตอร์เฟซที่ชวนสับสน แม้การเรียนรู้พื้นฐานการใช้งานจะดูเหมือนใช้ง่าย แต่ถ้าต้องการใช้งานที่ซับซ้อนขึ้นก็ต้องพึ่งบทเรียนออนไลน์มาช่วยสอนกันล่ะ

ข้อเสียอีกอย่างของ GIMP ก็คือ มันไม่ซัพพอร์ต CMYK ใครที่คิดจะใช้เพื่อทำงานพิมพ์ โปรแกรมนี้ไม่เหมาะกับเราครับ


Seashore

สำหรับคนที่ใช้ GIMP แล้วปวดหัว นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกฟรีที่ยอดเยี่ยมนอกเหนือจาก GIMP อินเตอร์เฟซของเจ้านี่ไม่ดูล้าสมัยหรือชวนสับสนเหมือนเจ้านั้น แอปนี้ถูกสร้างมาจากโค้ดเดียวกันแต่ใช้ Cocoa framework ทำให้ได้หน้าตาที่น่าใช้และใช้งานง่ายกว่า 

seashore screenshot
Seashore

Seashore มีความสามารถด้านการแก้ไขรูปขั้นพื้นฐาน แต่ก็มีเครื่องมือที่ดีอย่าง การใช้งานเลเยอร์ พิมพ์ข้อความ และแปรงชนิดต่างๆ ที่อาจไม่พบในแอปแนวแต่งภาพฟรีส่วนใหญ่


Photos for Mac

มันคือแอพฟรีที่ติดมากับ Mac ทุกเครื่อง ถ้าไม่อยากใช้เวลาค้นหาโปรแกรมแต่งภาพใน App Store ลองดูตัวนี้ก่อนก็ไม่เสียหลาย อย่างน้อยมันก็ทำงานได้ดี โดยเฉพาะในด้านการค้นหาและจัดระเบียบรูปภาพ ทั้งยังเชื่อมโยงกับ iCloud และมีอ็อปชั่นนู่นนี่นั่นให้เราเลือกมากมาย แต่ก็นั่นแหละ ฟังก์ชันการตกแต่งภาพยังถือว่าด้อยอยู่มาก

photos for mac screenshot
Photos for Mac

ถ้าต้องการแก้ไขแต่งรูปภาพขั้นพื้นฐาน Photos for Mac ก็อาจพอช่วยแก้ขัดได้ชั่วคราว แต่ถ้าจริงจังกับการแต่งภาพ อาจต้องขอแนะนำว่าลองหาตัวอื่นในลิสต์ทดแทนเอานะครับ


Pixlr X

แม้แอปตัวนี้มันจะอยู่บนเว็บแต่ก็คุ้มค่าน่าลองใช้อยู่ไม่น้อย ไม่ต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งอะไรลงบนเครื่อง แค่เข้าไปที่ Pixlr X ก็ใช้งานได้แล้ว เครื่องมืออัตโนมัติบางอย่างที่นี่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งานได้ง่ายขึ้นครับ ฟังก์ชันที่มีให้ใช้ ก็ไล่ไปตั้งแต่ ใส่ข้อความ เพิ่ม element ลงในภาพ ครอป ตัด ปรับโทนสี เอฟเฟกต์ รวมทั้งการรีทัช ทุกอย่างทำได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

pixlr x screenshot
Pixlr X

ข้อเสียคือ การใช้งานแอปนี้ มันจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อใช้งาน แต่ข้อดีก็คือ การไม่จำเป็นต้องต้องติดตั้งลงเครื่องนั่นเอง

นอกเหนือจาก Pixlr X แล้ว ก็ยังมีแอปแบบ web-based อย่าง Pixlr E แอปที่ใช้สำหรับแก้ไขซ่อมแซมรูปภาพ ทั้งลบจุดและตำหนิ รวมทั้งลบวัตถุที่ไม่ต้องการทิ้งจนไม่เหลือร่องรอย 


RawTherapee

มาถึงแอพแต่งรูปภาพฟรีอีกหนึ่งตัว ตัวนี้จะใกล้เคียงกับ Adobe Lightroom มากที่สุด ฟังก์ชันการทำงานค่อนข้างใกล้เคียงกัน ทั้งยังสามารถทำงานกับไฟล์ RAW ได้ แต่งภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพ ทั้งมีเครื่องมือแต่งภาพที่ลึกและทรงพลังอีกด้วย

rawtherapee screenshot
RawTherapee

แต่ว่า RawTherapee ก็ไม่ได้มีหน้าตาเป็นมิตรเท่ากับ Lightroom นัก ดูผิวเผินอาจคล้ายกัน แต่ก็บางอย่างก็ทำได้ยากถ้าไม่ได้เปิดดูคลิปสอนมาก่อน อาจต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อศึกษาการใช้งานลึกๆ ดังนั้น แอพนี้ไม่ได้เหมาะนักกับผู้เริ่มต้นนะครับ


Photoscape X

อีกหนึ่งแอพแต่งภาพฟรีสำหรับ Mac ที่รวมเอาคุณสมบัติและฟังก์ชันการทำงานต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน มีอินเตอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ อาจจะไม่ได้แอดวานซ์เท่ากับบางแอพ แต่ก็มีสามารถใช้งานพื้นฐานกับไฟล์ RAW และปรับแต่งภาพได้ครบครัน

photoscape x screenshot
Photoscape X

ถ้ากล้องของคุณสามารถถ่ายภาพ RAW ได้ และไม่เคยต้องทำอะไรกับไฟล์ประเภทนี้มาก่อน Photoscape X คือแอพเริ่มต้นที่น่าสนใจ ด้วยเครื่องมือที่เข้าใจง่ายทั้งมองเห็นการเปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์ ถ้าต้องการฝึกฝนการใช้งานให้คล่องมือ ก็มีวิดีโอสอนการใช้งานให้บนเว็บไซต์ ถือได้ว่าสะดวกมากเลยทีเดียว


Darktable

แค่ชื่อก็ฟังดูน่าสนใจแล้ว Darktable เป็นโปรแกรมทางเลือกสำหรับผู้สนใจ Adobe Lightroom ถ้าคุณเป็นตากล้องเป็นช่างภาพที่กำลังจะพัฒนาทักษะการแต่งภาพเพื่อจะก้าวสู่ระดับที่สูงกว่าโดยไม่ต้องลงทุนมาก

darktable screenshot
Darktable

ถ้ามีกล้องถ่ายรูปที่สามารถ RAW fie อยู่แล้ว ก็สามารถจะใช้แอพนี้ปรับปรุงรูปโดยไม่สูญเสียคุณภาพ ปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ และใส่เอฟเฟกต์ลงไปโดยไม่ไปเปลี่ยนแปลงไฟล์ภาพดั้งเดิม

แต่ปัญหาใหญ่ของแอพนี้คือความซับซ้อนของมันนั่นเองครับ การจะใช้งาน เราจะต้องนั่งศึกษาและอุทิศเวลาทำความคุ้นเคยกับมัน อีกอย่างคือ มันค่อนข้างจะช้ากว่าคู่แข่งอยู่หน่อยๆ ด้วย


Fotor

แอพแต่งภาพฟรีๆ รายนี้มีความสามารถในการแปลง RAW file ได้ และมีอินเตอร์เฟซที่เข้าใจและใช้งานง่าย Fotor ไม่ได้มีคุณสมบัติที่แอดวานซ์มากอย่างที่เราจะเจอใน Lightroom และบางอย่างก็ถูกล็อคไว้สำหรับเวอร์ชันจ่ายเงิน ทำให้เวอร์ชันฟรีดูจะเหมาะสำหรับมือสมัครเล่นและตากล้องมือใหม่เสียมากกว่า

fotor screenshot
Fotor

แอพนี้จะมีคุณสมบัติที่แอดวานซ์กว่าแอพอย่าง Polarr ที่ไม่สามารถทำงานกับ RAW fiel แต่ก็ยังคงตามหลังคู่แข่งอย่าง Darktable และ RawTherpee อยู่นิดหน่อย จึงเหมาะจะเป็นแอพตัวแรกๆ ก่อนจะก้าวไปสู่ขั้นถัดๆ ไปที่ซับซ้อนกว่า


Polarr

อีกโปรแกรมทางเลือกสำหรับคนใช้งาน Lightroom ที่สามารถจะเริ่มต้นใช้งานได้ง่าย Polarr เวอร์ชันฟรีจะมีเครื่องมือครบครันสำหรับการแต่งภาพ ซึ่งก็รวมทั้งฟังก์ชันด้านสี แสง การปรับรายละเอียดภาพ และอีกมากมาย นอกจากนี้ ก็ยังเปิดให้เพิ่มฟิลเตอร์ลงไปหรือจะสร้างขึ้นเองก็ทำได้เช่นกัน

polarr screenshot
Polarr

สิ่งที่ต้องคำนึงนิดหน่อยก่อนจะใช้งานก็คือ มันไม่ได้ซัพพอร์ด RAW file ทั้งไม่ค่อยมีฟังก์ชันที่แอดวานซ์อย่างที่จะเจอใน Lightroom สักเท่าไหร่ ซึ่งถ้าต้องการจะเพิ่มความสามารถอย่างการซัพพอร์ต RAW file ก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน แต่ถึงอย่างไรก็ยังดูคุ้มค่ากว่าใช้ Lightroom อยู่ดีแหละครับ

ยิ่งถ้าคุณไม่ได้ใช้หรือไม่ถ่ายรูปให้ออกมาเป็น RAW file ด้วยฟังก์ชันและคุณสมบัติทั้งหมดก็เหมาะสมที่จะใช้งานแต่งรูปภาพเป็นอย่างยิ่ง


Picktorial

มาถึง Picktorial กันบ้าง ตัวนี้เป็นแอพแต่งภาพฟรีสำหรับ Mac แนว Lightroom ที่มีเครื่องมือจัดระเบียบอันยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ หากเราต้องการจะแก้ไขปรับแต่ง RAW file โดยไม่สูญเสียคุณภาพ ฟังก์ชันนี้จะมีให้สำหรับเวอร์ชันเสียตังค์เท่านั้นนะครับ ส่วนถ้าเป็นเวอร์ชันฟรีเนี่ย จะใช้ได้แค่ไฟล์ JPEG น่าเสียดายจริงๆ

picktorial screenshot
Picktorial

คุณสมบัติที่น่าสนใจของเจ้าโปรแกรมนี้ก็อย่างเช่น การแบ่งหน้าจอแสดงผลออกเป็นสอง เพื่อให้เรามองเห็นภาพที่ซูมเข้าและซูมออกได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งก็ถือเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งเลยล่ะ แต่เวอร์ชันฟรีนั้นจะจำกัดให้แก้ไขได้สองครั้งต่อหนึ่งไฟล์ JPEG เท่านั้น ซึ่งคงเป็นอะไรที่ขัดใจพอดูสำหรับคนที่อยากจะแต่งภาพให้ออกมาสวยงามตามต้องการ


แจกแจงมาทั้งหมด 10 โปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ฟรีบนเครื่อง Mac แบบนี้ น่าจะทำให้หลายคนที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ๆ นอกเหนือจากการใช้ Photoshop ได้ลองเสาะหาอะไรที่ประหยัดรายจ่ายไปได้บ้าง นอกจากเรื่องแอพแต่งภาพฟรีสำหรับ Mac ยังมีบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจให้อ่านกันต่ออีกด้วยนะครับ

บทความน่าสนใจอื่นๆ