[สรุป] 3 เทคนิคลับสำหรับฟรีแลนซ์ จากงาน YWC13 Ignite
YWC13 ในงาน Young Webmaster Camp ครั้งที่ 13 ที่ผ่านมา แอดมินได้มีโอกาสไปพูดในหัวข้อ “งานไม่ประจำทำเงินกว่าจริงเหรอ” เกี่ยวกับการตีแผ่ชีวิต Full-time Freelance และแนะนำเทคนิคเด็ด ๆ ที่คนอยากเป็นฟรีแลนซ์ต้องรู้ครับ
สำหรับใครที่อยากดูสไลด์ของแอดมินปีที่แล้ว ในหัวข้อ เล่าประสบการณ์ ทำเว็บไซต์ยังไงไม่ให้อดตาย สามารถคลิกไปดูได้เลยนะคร้าบ
ในปีนี้แอดมินไม่ได้มาเล่น ๆ แต่จะมาเล่าให้ฟังประกอบสไลด์ไปเลยถึง 3 เทคนิคลับที่ฟรีแลนซ์ต้องรู้ อันได้แก่ เรื่องการหางาน, เรื่องการบริหารเงิน, และเรื่องการใช้เงิน
อันนี้เป็นสไลด์ตัวเต็มนะคร้าบ แต่แนะนำให้อ่านด้านล่างที่เขียนอธิบายไว้จะเข้าใจง่ายกว่าครับ
1. ฟรีแลนซ์จะอยู่รอดต้องมีงานสม่ำเสมอ
เด็กรุ่นใหม่หลาย ๆ คนลาออกจากงานประจำมาทำฟรีแลนซ์ แต่ก็พบปัญหาว่าเป็นฟรีแลนซ์ไปได้สักพักงานขาด ๆ หาย ๆ เงินเข้าไม่สม่ำเสมอ สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำงานประจำ
ผมคิดว่ากุญแจของการเป็น Full-time Freelance คือ ต้องหางานเข้ามาให้ได้อย่างสม่ำเสมอ
ถ้าใครเคยดูหนังฟรีแลนซ์ของ GTH แล้วคงเคยเห็นฉากที่ตัวเอกนั่งดูปฏิทินเปล่า ๆ แล้วเครียดที่ไม่มีงาน อารมณ์ประมาณนั้นเลยครับ
Loop ของชีวิตฟรีแลนซ์ที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิด
วิธีการแก้ไขปัญหาขาดงาน ผมคิดว่ามันอยู่ที่ Mindset ของการเป็นฟรีแลนซ์เลยครับ คนเป็นฟรีแลนซ์ทั่วไปอาจคิดว่า Loop ของชีวิตฟรีแลนซ์เป็นแบบนี้
เริ่มจาก หาลูกค้า -> หาลูกค้าได้แล้วก็ทำงาน -> ทำงานเสร็จส่งงาน -> ส่งงานเสร็จเก็บเงิน -> หาลูกค้าใหม่…
จะเห็นว่างานจบก็ต้องหาลูกค้าใหม่ไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งจากที่ผมเป็นฟรีแลนซ์มาหลายปีก็พบว่า งานที่ต่อเนื่องส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าเก่าทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากมีงานต่อเนื่องเราต้องทุ่มเทเวลาให้กับการเทคแคร์ลูกค้าปัจจุบันดี ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างทำงาน ที่เราควรพูดคุยอัพเดทกันตลอด เจออะไรดี ๆ ก็แนะนำ หรือเจออะไรที่น่าจะเป็นปัญหาก็เตือนไว้ก่อน หรือหลังจบงานไปแล้วเวลาเราเจออะไรที่มีประโยชน์กับลูกค้าก็สามารถส่งอีเมลไปพูดคุยได้ จบงานไปแล้ว 3 เดือน 6 เดือนก็ยกหูโทรศัพท์ไปคุยได้เช่นกัน
Loop ของชีวิตฟรีแลนซ์ที่ดี ผมจึงคิดว่าเป็นแบบนี้ครับ
แค่เพิ่มขั้นตอนในการดูแลลูกค้าเข้าไปใน Loop ชีวิตคุณก็จะสบายขึ้นอีกหลายเท่า ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้กับทุกธุรกิจไม่เฉพาะฟรีแลนซ์รับทำเว็บไซต์นะครับ เพราะอีก Startup ที่ผมทำอยู่ก็พบข้อสรุปคล้าย ๆ กันว่า ลูกค้าจะยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อใช้บริการเจ้าที่คุยกันง่ายกว่า
2. ฟรีแลนซ์ไม่ได้รวยกว่าพนักงานประจำ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนอยากเป็นฟรีแลนซ์เพราะคิดว่ารวยกว่าการทำงานเป็นพนักงานประจำครับ เพราะฉะนั้นเราลองมาดูชีวิตของฟรีแลนซ์โปรแกรมเมอร์คนหนึ่ง ที่เคยทำงานบริษัทได้เงินเดือน 30,000 บาท แต่พอออกมาเป็นฟรีแลนซ์รับโปรเจคละ 100,000 บาท
ดูดีใช่มั้ยครับ งานเดียวก็มากกว่าเงินเดือน 3 เท่าแล้ว… แต่เดี๋ยวก่อน
สิ่งที่ฟรีแลนซ์มือใหม่ชอบลืมคิดกันไป คือ งาน ๆ หนึ่งถึงแม้จะดูง่าย หรือลูกค้าสัญญาว่าจะจบในเดือนเดียว สุดท้ายก็มักจะมีเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องขยายเวลาออกไป (เช่น Feedback ช้า, ได้ข้อมูลช้า, บัญชีลาคลอด ฯลฯ)
จนกลายเป็นว่างาน 100,000 บาท เราอาจจะทำ 5 เดือนกว่าจะได้เงิน เฉลี่ยแล้วคือเดือนละ 20,000 บาทเท่านั้น น้อยกว่าเงินเดือนพนักงานประจำอีก
เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำงานไปเรื่อย ๆ แบบนี้ก็ไม่มีความหมายที่จะต้องมาเสี่ยงกับอาชีพฟรีแลนซ์ครับ สู้เป็นพนักงานประจำดีกว่ามั้ย?
ตารางกระแสเงินสดฉบับย่อ แจกฟรีโดยพี่เม่น MennStudio
วิธีแก้ไขปัญหานี้ คือ เราต้องทำบัญชีตลอดครับ เพื่อให้เรารู้ตัวเองว่าเดือนนี้มีรายรับเท่าไหร่ เดือนหน้าจะมีรายรับอีกเท่าไหร่ โปรเจคนี้จะจบตอนไหน ฯลฯ
Solution ที่ผมคิดว่าทำออกมาได้ดี และเข้าใจง่าย คือ ตารางกระแสเงินสดฉบับย่อ ซึ่งแจกฟรีโดยพี่เม่น MennStudio ในบลอค แบบฟอร์มที่จำเป็นสำหรับฟรีแลนซ์ นั่นเองครับ
การใช้งานก็ง่าย ๆ เลยครับ
- เริ่มจากกรอกด้านซ้ายสุดว่ามีโปรเจคอะไรบ้าง
- ส่วนด้านขวาใส่จำนวนเงินตามเดือน ว่าโปรเจคนี้ได้เงินเดือนไหนบ้าง เดือนละกี่บาท
- ด้านล่างตารางก็สรุปว่าเดือนนี้ทั้งหมดจะมีเงินเท่าไหร่
ตารางนี้จะทำให้เราเห็นชัดเจนว่าเราจะอยู่ไปได้อีกกี่เดือน และช่วงไหนที่เราต้องเริ่มรับงานใหม่ ๆ ครับ ทำไว้ไม่อดตายแน่นอน
3. เป็นฟรีแลนซ์ก็ต้องหัดลงทุน
อันนี้ผมไม่ได้ชวนมาเล่นหุ้นหรือกองทุนครับ แต่เป็น การลงทุนกับสิ่งที่ทำให้งานของเราเสร็จไวขึ้น
ฟรีแลนซ์มือใหม่มักจะใช้เครื่องมือฟรีหรือผิดลิขสิทธิ์ในการทำงาน (จนตอนนี้ก็ยังเห็นโปรแกรมเมอร์หลาย ๆ คนใช้ EditPlus เวอร์ชั่น Crack ทำงานกัน) และจะทำงานคนเดียวให้เสร็จ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ถนัด ทำออกมาได้ไม่ดีก็ตาม
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการทำงานฟรีแลนซ์ในปีหลัง ๆ คือ ในโลกนี้มีเครื่องมือดี ๆ มากมายที่ซื้อมาแล้วทำงานได้สะดวกขึ้นมาก และ Software ของแท้ก็มาพร้อมออพชั่นเสริมดี ๆ มากมาย อีกทั้งยังไม่แพงอย่างที่คิด
ตัวอย่างเช่น Photoshop CC ของแท้ก็มีโปรโมชั่นแพคคู่ Lightroom CC เดือนละ 300 บาท (ตกวันละ 10 บาทเท่านั้น) อัพเดทฟีเจอร์ใหม่ ๆ จากออนไลน์ได้ทันทีไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แถมติดตั้งได้ถึง 2 เครื่อง ไม่ต้องเจอปัญหาลง Crack ยาก, Crack แล้วอัพเดทไม่ได้, เสี่ยงเจอไวรัส / Spyware ที่มากับตัว Crack อีก
รู้หมือไร่? เอาเงินไปลงทุนกับ “คน” ก็ได้นะ
ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถเก่งไปซะทุกอย่างได้ เราอาจจะดีไซน์เก่ง แต่เขียนโค้ดงู ๆ ปลา ๆ หรือเราอาจจะเขียนโค้ดเก่ง แต่ดีไซน์ไม่เอาไหนเลยก็ได้ ซึ่งวิธีแก้ง่าย ๆ ก็คือ การเอาเงินไปจ้างคนที่เก่งกว่าเรามาทำ
บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่าเดี๋ยวไปหัดทำเองก็ได้ แต่เราอาจจะต้องใช้เวลาเรียนเป็นเดือน ๆ เพื่อทำงาน พอทำเสร็จคุณภาพก็ไม่ดีเพราะเราเพิ่งหัดทำ ลูกค้าไม่ชอบ งานไม่จบ เสียเครดิตอีก
เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าการเอาเงินไปจ้างคนที่เก่งในด้านที่เราไม่เก่งมาทำ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากครับ นอกจากจะลดเวลาการทำงานของเราแล้ว (ให้เอาเวลาไปรับงานเพิ่มได้) งานก็ยังออกมาสมบูรณ์ สวยงาม ลูกค้าชอบ แล้วก็จะกลับมาใช้บริการเราอีกในอนาคตครับ
การเป็นฟรีแลนซ์ที่ดีก็แค่ต้องทำงานให้ดี
สุดท้ายแล้ว เราจะเห็นว่าเคล็ดลับการเป็นฟรีแลนซ์ไม่มีอะไรมากเลยครับ
ถ้าเราหาวิธีที่จะทำงานให้ออกมาคุณภาพดี ไม่ว่าจะด้วยการโต้ตอบกับลูกค้าบ่อย ๆ / ซื้อเครื่องมือมาใช้ / จ้างคนเก่ง ๆ มาทำ ก็จะทำให้ลูกค้าติดใจกลับมาใช้บริการบ่อย ๆ และจะทำให้เรามีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ในที่สุดครับ
ขอให้ฟรีแลนซ์ และท่านที่อยากเป็นฟรีแลนซ์ทุกคนประสบความสำเร็จครับผม