10 เหตุผลที่คนไม่จ่ายเงินบนเว็บขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์ จะต้องทำอย่างไรให้ได้ยอดขายที่ดีขึ้น วันนี้เรามาดู 10 เหตุผลที่คนไม่จ่ายเงินบนเว็บขายของออนไลน์ของเรากัน
เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่าการออกทำเว็บไซต์ E-commerce ขายของออนไลน์นั้นเราจะมีคำศัพท์นึงที่เรียกว่า Cart abandonments คือการยกเลิกการสั่งซื้อสินค้า พูดง่าย ๆ ก็คือผู้ใช้งานกำลังจะจ่ายตังค์แล้ว หยิบใส่ตะกร้า จะชำระเงิน แต่ก็ดันมาเปลี่ยนใจกลางทาง เอ๊ะ ไม่ดีกว่า ยกเลิก ไม่ซื้อละ….ทำไมเราถึงสร้างปิดการขายไม่ได้ ทำไม User ถึงเปลี่ยนใจ ?
วันนี้แอดเอาสรุปผลจากเว็บ Baymard มาให้อ่านกัน
เหมาะสำหรับคนที่กำลังขายของออนไลน์ เป็นเจ้าของเว็บขายของออนไลน์ หรือคนที่กำลังทำ UI UX
ผลการสำรวจจากคนอเมริกันจำนวน 4,329 คน
มาดูสาเหตุที่ทำให้คนไม่จ่ายเงินบนเว็บขายของออนไลน์
1. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากราคาสินค้า มีราคาแพงเกินไป เช่น ภาษี VAT, TAX, ค่าจัดส่งสินค้า 49%
เราจะเห็นได้ว่าจากหน้าเว็บไซต์ Amazon จะมีแจ้งราคาโดยละเอียด โดยในภาพด้านบนจะบอกตั้งแต่หน่วยราคาเป็น USD จนแปลงเป็นหน่วยราคา AUD และยังบอกราคาก่อนภาษี หลังภาษีอย่างชัดเจน
2. เว็บไซต์บังคับสมัครสมาชิกก่อนการชำระเงิน 24%
เว็บไซต์ Mecca ขายเครื่องสำอางค์ชื่อดังของออสเตรเลียได้ทำหน้าเว็บให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งซื้อได้โดยไม่ต้อง Login เพียงแค่กรอก ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์
3. จัดส่งสินค้าช้าเกินไป 19%
การบอกเวลา, ประเภทวันจัดส่งสินค้า และผู้ส่งที่ชัดเจนของ Amazon ทำให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นในการสั่งซื้อ
ตัวอย่างภาพด้านบน ได้ทำการสั่งซื้อ Yoga blocks จำนวน 2 ชิ้น ถ้าอยากได้การจัดส่งที่รวดเร็ว จะต้องชำระเงิน $49 เพื่อที่จะให้ของส่งมาถึงไวที่สุด
4. ขั้นตอนการซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ซับซ้อน ยากและยาวเกินไป 18%
Nordstrom ทำหน้าเว็บไซต์ การชำระเงินให้เข้าง่าย โดยมีคำว่า Secure checkout อยู่ด้านบนสุดเพื่อทำให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้งาน
5. ไม่เชื่อใจเว็บไซต์เลยไม่อยากกรอกข้อมูลบัตรเครดิต 17%
การไม่มี HTTPS ในเว็บไซต์ E-commerce ทำให้เว็บไซต์ขายของของเราดูไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นอย่าลืมจด HTTPS กันนะครับ
สอนวิธีทำ HTTPS ง่าย ๆ ฟรี ๆ
6. ไม่เห็นยอดรวมราคาตั้งแต่หน้าแรก 17%
ภาพตัวอย่างจาก Ikea ที่แสดงรายละเอียดราคาตั้งแต่หน้าก่อนการชำระเงิน พร้อมปุ่มไปหน้า checkout ที่ใหญ่มาก ๆ เรียกได้ว่า user จะไม่มีทางกดพลาดอย่างแน่นอน
7. เว็บไซต์ค้าง พังเกิดการ error 12%
เว็บไซต์พัง เป็นอะไรที่ยอมรับไม่ได้สำหรับการทำเว็บขายของออนไลน์ เพราะว่าการขายของออนไลน์เป็นเรื่องที่ต้องอยู่กับเงินทองของผู้ใช้งาน ดังนั้นการดูแล Server ให้ใช้งานไปได้อย่างราบรื่นเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก ๆ ที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เว็บไซต์ และจะทำให้ User อยากสั่งซื้อสินค้าของเรามากยิ่งขึ้น
8. ขั้นตอนการคืนและเปลี่ยนสินค้าไม่น่าพึงพอใจ 11%
ถ้าเราดูตัวอย่างจาก Ikea หน้า Return policy 2 เราจะเห็นว่า Ikea ทำช่อง chat ไว้ให้ลูกค้าสามารถสอบถามได้ทันที สำหรับลูกค้าที่มีปัญหาหลังจากได้รับสินค้าไปแล้ว
และหน้า Express returns คือหน้าต่างที่ Ikea ทำให้กับ User เพื่อกรอกรายละเอียดการคืนสินค้าได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดปัญหาหลังจากการสั่งซื้อ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าถ้าสั่งซื้อจาก Ikea ไปแล้วจะได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็วนั่นเอง
9. ไม่มีวิธีการชำระเงินที่ต้องการ 7%
หน้าจอชำระเงินจาก Lazada ที่มีวิธีการชำระเงินหลากหลายช่องทางสำหรับผู้ใช้งาน และมีการปรับวิธีการชำระเงินให้เหมาะสมกับ User ในแต่ละประเทศ
เราจะเห็นได้ว่าคนไทยจะมีการชำระเงินแบบเก็บเงินปลายทาง แต่ถ้าดูจากตัวอย่างด้านบนที่แอดได้แนะนำไป เว็บไซต์ในออสเตรเลียและอเมริกา จะไม่มีการชำระเงินแบบเก็บเงินปลายทางเลย
10. ไม่สามารถตัดบัตรเครดิตได้ 4%
ส่วนข้อสุดท้ายนี้น่าจะเกิดจากตัวของ User ที่มีเงินในบัตรไม่เพียงพอหรือระบบ error เสียเอง แต่ถ้าเกิดจากระบบของเราก็ต้องอย่าลืมแก้ไขนะครับ
อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ Designil มีเหตุผลอะไรบ้างในการยกเลิกตะกร้าสินค้า ทำไมถึงเปลี่ยนใจกลางคัน มาแชร์กันในคอมเม้นท์นะครับ เดี๋ยวแอดรออ่าน
บทความที่เกี่ยวข้อง
UI น่าค้นหา ตอนที่ 1
UI น่าค้นหา 2 – เรียนรู้ UI Design จากเว็บ E-Commerce ชื่อดัง !!
WordPress plugin ที่จะช่วยให้ WooCommerce หน้า checkout ง่ายขึ้น
Woo Thai Address ช่วยกรอกที่อยู่ภาษาไทยแบบอัตโนมัติ
WooCommerce PromptPay QR Code ระบบ QR Code ช่วยในการชำระเงิน